ในประเทศไทยนั้น คนส่วนใหญ่จะรู้จักพระพิฆเนศวร์ ในฐานะเทพแห่งศิลปะ ในฐานะบรมครูช่างเทพแห่งปัญญา เทพผู้ประทานความสำเร็จ ผู้ชนะอุปสรรคทั้งปวง ความเป็น บรมครูช้าง มีฐานความคิดมาจาก แนวความคิดดั้งเดิม คือตั้งแต่สมัยแรกที่ไทยเข้ามาครอบครองดินแดนแถบนี้
พระพิฆเนศวร์ ในฐานะบรมครูช้าง ถูกเรียกว่า พระเทวกรรม นั้นเป็นเทวรูป สำคัญของผู้ที่ศึกษาวิชาคชศาสตร์ หรือที่เรียกว่า“ตำราช้าง” ที่ไทยรับมาจากอินเดีย เอกสารฉบับเดิมเป็นภาษาสันสกฤต แบ่งได้เป็น 2 คัมภีร์ คือ ตำราคชลักษณ์ กล่าวถึงการศึกษาให้รู้ว่าช้างดีหรือเลวต่างกันอย่างไร อีกคัมภีร์หนึ่ง คือ ตำราศชกรรม สอนวิธีหัดช้างเถื่อน และวิธีหัดขี่ช้าง การใช้มนต์ สำหรับบังคับช้าง และระเบียบพิธีกรรมเพื่อให้เกิดสิริมงคล ขจัดเสนียดจัญไรในการที่เกี่ยวเนื่องกับช้าง
คชศาสตร์ จึงเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในไตรเพท เป็นวิชาที่พระมหากษัตริย์จะต้องทรงศึกษาเรียนรู้โดยมีพราหมณ์เป็นผู้นำเข้ามาสู่ราชสำนัก สันนิษฐานว่าไทยคงได้รับมาตั้งแต่ในสมัยสุโขทัยแล้ว แม้จะไม่มีหลักฐานทางเอกสารระบุไว้แน่ชัด แต่ก็มีหลักฐานการนับถือศาสนาพราหมณ์และหลัก ฐานที่แสดงว่าพระมหากษัตริย์ทรงรอบรู้ในการคชศาสตร์เป็นอย่างดี
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา การคชกรรมเฟื่องฟูขึ้นหลายยุคหลายสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ. 2199-2231 ) หลักฐานทางโบราณคดีสมัยอยุธยาที่น่าสนใจในหนึ่ง คือ ประติมากรรมรูป พระพิฆเนศวร์ บนด้ามมีดของหมอข้างที่ใช้ในการประกอบพิธีเกี่ยวกับช้าง เพราะพระพิฆเนศวร์ (พระเทวกรรม) เป็นเทวรูปสำคัญของผู้มีหน้าที่เป็นคชบาล เป็น “พระ” ของกรมช้างได้เคารพนับถือกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตามตำนานกล่าวว่า... “ผู้มีตำแหน่งเป็นครู อาจารย์ ในทางศชกรรมต้องมี “พระคเณศ” ซึ่งแกะด้วยงาช้างตระกูลพิฆเนศมหาไพฑูรย์ไว้บูชา (ข้างในตระกูลอัคคนิพงศ์) ขณะใดไปแซกโพนช้างเถื่อนก็นำเอาไปกับตัวอย่างเครื่องราง ด้วย บางคนใช้งาช้างตระกูลนั้นแกะเป็น “พระคเณศ” ที่ด้ามมีดไว้สำหรับใช้เป็นอาวุธ ประจําตัวในขณะไปทําการคล้องช้าง แต่ในกรณีนี้ทําด้วยสำริด พบที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แม้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระพิฆเณศวร์ และ พระเทวกรรมค่อนข้างสับสน แต่ก็ยังปรากฏหลักฐานการกล่าวถึง พระพิฆเนศวร์และ พระเทวกรรมในวรรณกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมที่เกี่ยวกับช้างได้แก่ฉันท์ ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง ซึ่งเป็นฉันท์ที่ใช้สวดในงานพิธีสมโภชพระยาช้าง การกล่อมช้างนี้ เข้าใจว่าเป็นพิธีที่เราได้มาจากเขมร และเขมรได้มาจากพราหมณ์อีกทอดหนึ่ง คำประพันธ์ ประเภทนี้ยังคงใช้กันอยู่แม้กระทั่งในปัจจุบัน
ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงสนพระทัยในภารตวิทยาเป็นพิเศษ จึงทรงเข้า พระทัยประวัติความเป็นมาของพระพิฆเนศวร์ได้อย่างถูกต้อง วรรณกรรมต่าง ๆ ในสมัยนี้ มักมีบทบูชาพระพิฆเนศวร์ ในฐานะเทพผู้ขจัดอุปสรรค และเทพแห่งศิลปวิทยาแต่ขณะ เดียวกันก็มีการกล่าวถึงพระพิฆเนศวร์ ฐานะบรมครูด้วย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตอนหนึ่ง ในบทละครเรื่องสามัคคีเสวก ตอนกรีนิรมิต (พระคเณศเสียงา) ทรงกล่าวถึงพระพิฆเนศวร์ ในฐานะบรมครูช้างผู้ใหญ่
ในปัจจุบัน เรารู้จักพระพิฆเนศวร์กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะ บรมครูช้าง ทั้งนี้เนื่องจากพระพิฆเนศวร์มีบทบาทอย่างสำคัญในกิจพิธีเกี่ยวกับการสมโภช ขึ้นระวางช้างเผือก เริ่มตั้งแต่ในพิธีจับเชิงจนถึงพระราชพิธีน้อมเกล้าฯถวายและขึ้นระวาง สมโภช ซึ่งพราหมณ์จะอัญเชิญพระเทวกรรมเข้าพิธีด้วย
กล่าวโดยสรุป พระพิฆเนศวร์ มีฐานะบรมครูช้าง หรือที่รู้จักกันในนามของ “พระเทวกรรม” เป็นแนวความคิดที่แพร่หลายในสมัยอยุธยา เมื่อการคชศาสตร์เป็นที่นิยม ในราชสำนัก ความจริงแล้วเราได้พบหลักฐานเกี่ยวกับการคชศาสตร์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ดังปรากฏจากหลักฐานทางเอกสาร แม้จะไม่มีการกล่าวถึง “พระเทวกรรม” อย่างเด่นชัด แต่เมื่อมีการคชศาสตร์เกิดขึ้น ก็ต้องมีการบูชาพระเทวกรรมควบคู่กันด้วย การคชศาสตร์นั้น เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในไตรเพท ซึ่งพระมหากษัตริย์ (ผู้เป็นนักรบตามชั้นวรรณะ) จะ ต้องทรงศึกษาเรียนรู้ โดยมีพราหมณ์เป็นผู้นำเข้าสู่ราชสำนัก พราหมณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็น พราหมณ์ที่มาจากเขมรมากกว่าเป็นพราหมณ์ที่มาจากอินเดีย ในสมัยอยุธยานั้นมีการกล่าวถึง พระเทวกรรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็น ยุคที่ศาสนาพราหมณ์เฟื่องฟู ในพงศาวดารกล่าวถึงการหล่อรูปเคารพพระพิฆเนศวร์ และ พระเทวกรรม แสดงให้เห็นว่าในสมัยพระคเณศปรากฏฐานะแยกเป็น 2 รูปแบบอย่าง ชัดเจน คือ “พระวิฆเณศวร” เทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์ผู้ขจัดอุปสรรค และ เทวกรรม” เทพในฐานะครูช้าง พระ
จากหลักฐานทางโบราณคดี เราได้พบรูปเคารพ “พระเทวกรรม” ปรากฏบนด้าม มีด ที่เชื่อว่าเป็นมีดสำหรับหมอช้าง เชื่อว่าเป็นของในสมัยอยุธยา นอกจากนี้ยังพบรูป เคารพพระคเณศขนาดเล็ก ซึ่งได้รับคำบอกเล่าว่าเป็นพระคเณศที่ใช้ในการประกอบอาชีพ และประกอบพิธีเกี่ยวกับช้าง ที่คงหมายถึงพระคเณศวร์ในนามของ “พระเทวกรรม” นั่นเอง ลักษณะนี้จะปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ทั้งในด้านพิธีกรรมและวรรณกรรม เกี่ยวกับช้าง
ภาพจากจิตรกรรม วัดพระบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า)
** เรียบเรียงจาก “คติความเชื่อและรูปแบบของพระพิฆเนศวร์ที่พบในประเทศไทย วิทยานิพนธ์ประกอบการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณ คดีสมัยประวัติศาสตร์ ภาควิชาโบราณคดี บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากรปีการ ศึกษา 2527 ของ นางสาวจิรัสสา คชาชีวะ