17 พ.ค.67 - พิชิต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฟันธง “เชื่อมจิต” ไม่มีอยู่จริงตามหลักพระพุทธศาสนา สำนักพุทธฯ ชี้ชัด ตรวจสอบแล้ว ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก แต่ไม่มีอำนาจเอาผิด-สั่งหยุดเผยแพร่
นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงข่าวกรณีเด็กเชื่อมจิต โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี ในฐานะประธานตรวจสอบกรณีเด็กเชื่อมจิต
•
นายพิชิต กล่าวว่า ภารกิจในวันนี้จะแถลงข่าวเพื่อให้สิ้นกระแสความ ถือเป็นหลักว่า หากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในลักษณะนี้ ที่แอบอ้างแอบอิงพระพุทธศาสนา อ้างหรือแอบอิงพระพุทธเจ้าหลักการในวันนี้จะถือเป็นหลัก ว่า จะต้องใช้หลัก ใช้สติ มีศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะต้องตัดสินใจว่า เรื่องต่างๆ ถูกต้องตาม หลัก การของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ขอย้ำว่า หากมีข้อความใดที่จะทำให้แตกต่างขัดแย้งกัน ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องใช้สติปัญญารับฟัง แต่วันนี้จะเอาหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ที่มีมากกว่า 2,600 ปี มาเรียนผ่านสื่อมวลชนให้สาธารณะชนเข้าใจ
•
ด้าน ผอ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่ากรณีเด็กเชื่อมจิตนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้น และมีทีมงานในการเฝ้าระวัง โดยกลุ่มงานคุ้มครองพระพุทธศาสนาในการรวบรวมข้อมูล คลิป และรายละเอียดข่าวสารต่างๆ เพื่อประกอบการพิจารณา รวมถึงเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคำสอนที่ผิดเพี้ยน ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาขอคำปรึกษาและขอคำแนะนำจากพระมหาเถระ ซึ่งพระมหาเถระขอให้ใช้สติและทำให้รอบคอบเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและส่งผลกระทบต่อเด็กและครอบครัว จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
•
และแม้สำนักงานพระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจห้ามบุคคลที่เผยแพร่คำสอนของพระพุทธศาสนาที่ผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎก แต่เราก็ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งทำงานอย่างรอบคอบมากที่สุด แล้วค่อยยกระดับมาตรการตามกระบวนการของกฎหมายตามหน่วยงานที่รับผิดชอบ และขณะนี้มีหน่วยงานภาคเอกชนยื่นเรื่องไปยังตำรวจสอบสวนกลางเรียบร้อยแล้ว
•
ขณะที่นายบุญเชิด ประธานตรวจสอบกรณีเด็กเชื่อมจิต กล่าวว่า
“จากการตรวจสอบข้อมูลทุกรายละเอียดที่เป็นตัวอักษรอยู่ในพระไตรปิฎก ฟันธงว่าไม่ปรากฏการเชื่อมจิต และพบขัดต่อหลักธรรมคุณ 6 ประการ ยืนยันว่าในพระไตรปิฏกไม่มี” แต่มีตัวบุคคลบอกว่าในพระไตรปิฏกมี แต่พยายามเทียบเคียงแล้ว
เมื่อไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกก็ชัดแล้ว การันตีว่าไม่จริง พระพุทธศาสนา ไม่มีเรื่องนี้ในพระไตรปิฏก โดยไทยยึดถือเถรวาทเท่านั้น ย้ำว่าการเชื่อมจิต นอกจากจะไม่ปรากฏและยังขัดต่อหลักคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีดำรัสไว้ให้เราได้ปฎิบัติการ คือผู้ใดปฏิบัติเองย่อมรู้เอง ไม่ต้องเชื่อตามคำของผู้อื่น ผู้ใดไม่ปฏิบัติจะบรรลุไม่ได้ หมายถึงคนอื่นไม่สามารถที่จะบอกเราให้เราเชื่อตาม แต่ต้องเป็นการศึกษาไทยได้รู้เอง
•
ส่วนคุณวุฒิที่เด็กยังไม่บรรลุนิติภาวะ อยู่ในการปกครองของบิดา มารดา และไม่ได้มีการเรียนพระปริยัติธรรม กลับมีการแสดงออกต่อสาธารณะในลักษณะดังกล่าวทำให้เกิดความเชื่อ นายบุญเชิด ยืนยันว่า ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎก ว่าเป็นจริงหรือเท็จ เป็นเรื่องไม่จริง เนื่องจากในนิกายเถวาทไม่มีในพระไตรปิฎก แต่ในฝ่ายมหายานก็อาจจะมี แต่ในไทยยึดเถรวาทเท่านั้น
•
เมื่อถามว่ากระทำในลักษณะดังกล่าวผิดกฎหมายหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า เรื่องกฎหมายบ้านเมืองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตำรวจที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาว่ามีใครเสียหายหรือไม่อย่างไร ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนา ในฐานะที่เป็นองค์กรศึกษาปกป้องพระพุทธศาสนาไม่ให้เกิดการผิดเพี้ยน ได้มายืนยันอย่างนี้แล้ว โดยยืนยันได้ในระดับหนึ่งแล้ววันนี้ ว่าสิ่งที่แถลงพนักงานสอบสวนสามารถนำไปเป็นพยานหลักฐาน ส่วนใครจะเสียหายหรือไม่อะไรอย่างไร ก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวน
•
ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ บอกอีกว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจที่จะเรียกผู้ปกครองหรือเด็กมาชี้แจงทำความเข้าใจได้ แต่หากเป็นพระภิกษุสงฆ์ก็จะแจ้งคณะผู้ปกครองให้ดำเนินการ พร้อมกับระบุว่า ที่ผ่านมาในพื้นที่มีการพยายามเจรจาทำความเข้าใจ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และอำนาจหน้าที่ไม่สามารถห้ามระงับยับยั้ง บุคคลหรือกลุ่มบุคคล เผยแพร่หลักคำสอนที่อาจจะคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งอำนาจจะต้องส่งต่อไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการแถลงข่าวและการประชุมของเถรสมาคมจะเป็นข้อยืนยัน ที่สามารถนำไปใช้ประกอบ
•
นายพิชิต กล่าวอีกว่า มั่นใจในสำนักงานพระพุทธศาสนา และมีความเชื่อว่า การเชื่อมจิตไม่มีอยู่จริง เมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนายืนยันเช่นนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันตามนั้น