กทม. 26 มี.ค.64 - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตรวจซากพะยูน จ.ตรัง พบเงี่ยงปลากระเบนแทงทะเลถึงถายในคาดตายจากพิษเงี่ยงปลากระเบน
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวว่า ได้รับรายงานการเกยตื้นของกลุ่มสัตว์ทะเลหายากจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) ว่าพบซากพะยูนเกยตื้น บริเวณแหลมปันหยัง เกาะลิบง ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยนายสุวิท สารสิทธ์ กลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ดุหยงเกาะลิบง เป็นผู้พบเจอซากพะยูนตัวดังกล่าว จึงได้แจ้งเบาะแสมายังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง ให้เข้าดำเนินการขนย้ายซากพะยูนเกยตื้น ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยฯ ได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ในการช่วยขนย้ายซากมายังท่าเรือหาดยาว ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จากนั้น เจ้าหน้าที่ ศูนย์วิจัยฯ จึงทำการการขนย้ายซากพะยูนไปลงบันทึกประจำวัน ณ สถานีตํารวจภูธรกันตัง และได้นำซากกลับมายังศูนย์วิจัยฯ เพื่อทำการชันสูตรซากหาสาเหตุการเสียชีวิต
จากการตรวจสอบพบว่า เป็นพะยูนเพศผู้ ความยาวลำตัวโดยวัดแนบยาว 2.28 เมตร อยู่ในช่วงวัยรุ่น สภาพซากเน่าคาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน สภาพภายนอกผิวหนังลอกหลุด บวมอืด มีรอยเขี้ยวจากพะยูนซึ่งเกิดจากพฤติกรรมภายในฝูง และรอยขีดข่วนจากการขนย้าย ยังพบบาดแผลคล้ายถูกของมีคมบาด บริเวณด้านข้างลำตัวเหนือโคนครีบด้านขวา ขนาดแผลยาว 4.5 ซม. ลึก 1 ซม. ส่วนของทางเดินอาหารพบลำไส้ทะลักออกมาภายนอกช่องท้องบางส่วนส่วนด้านใต้ลำตัวส่วนท้าย โคนหางและครีบหางพบรอยคล้ายถูกฉลามกัด จำนวน 7 รอย ซึ่งลักษณะบาดแผลที่พบคาดว่าเกิดภายหลังจากการเสียชีวิตแล้ว
เมื่อเปิดผ่าดูอวัยวะภายในพบว่าอวัยวะภายในส่วนใหญ่เน่าสลายไม่สามารถระบุรอยโรคได้ชัดเจน ส่วนทางเดินอาหารพบหญ้าทะเลเต็มกระเพาะอาหาร ส่วนของกระพุ้งลำไส้ ซึ่งอยู่บริเวณส่วนต้นของลำไส้ใหญ่ พบเงี่ยงปลากระเบนความยาว 14 ซม. แทงทะลุช่องท้องของพะยูนเข้าไปจนถึงเนื้อเยื่อของกระพุ้งลำไส้ ที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักการตายของพะยูนตัวนี้ เนื่องจากเงี่ยงกระเบนแทง ทำให้สัตว์เจ็บปวดอย่างรุนแรงจากพิษของเงี่ยงกระเบน ร่วมกับภาวะการอักเสบติดเชื้อฉับพลันภายในช่องท้อง เนื่องจากพบคราบหนองปกคลุมบริเวณลำไส้ จนกระทั่งตายในที่สุด
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ ได้ทำการเก็บตัวอย่างผิวหนังเพื่อตรวจวิเคราะห์ทางพันธุกรรม เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและโครงกระดูกเพื่อศึกษาทางห้องปฏิบัติการต่อไป
อย่างไรก็ตามพะยูนไทยยังอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ทำให้พะยูนได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ปี พ.ศ.2535 และได้มีการสำรวจประชากรของพะยูนทางอากาศ ตลอดจนพฤติกรรมต่างๆของพะยูน รวมถึงนิเวศวิทยาของหญ้าทะเล และออกพระราชบัญญัติอนุรักษ์แหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านและแหล่งอาหารของพะยูนเพื่อเป็นแนวทางการจัดการและอนุรักษ์พะยูนอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันทช. ได้เดินหน้าขับเคลื่อนการดำเนินงานจัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งในวันที่ 5 เมษายน 2564 ทช.จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติอีกครั้ง
สำหรับการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเดียวย่อมไม่เกิดผลสำเร็จในการอนุรักษ์พะยูน สิ่งสำคัญที่ควรทำควบคู่กันไปกับกฎหมายคือ การสร้างการเรียนรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชน เกี่ยวกับเรื่องพะยูนและหญ้าทะเล โดยเน้นที่ชุมชนชายฝั่งที่มีวิถีชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับพะยูนมากที่สุด ชุมชนใดมีความเข้มแข็งพอ พะยูนและหญ้าทะเลก็อยู่ได้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้สัตว์ทะเลมาเกยตื้นนั้นก็มีหลายปัจจัย ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ โรคภัย หรือน้ำมือของมนุษย์ บางแห่งมีการเข้ามาเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายากติดต่อกันหลายครั้ง หรือการมาเกยตื้นที่กินเนื้อที่ความยาวของชายหาดหลายกิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชี้ชัดว่าปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สัตว์ทะเลหายากเหล่านี้เข้ามาเกยตื้น ดังนั้นขอฝากให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หากพบเจอสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ให้รีบแจ้งเบาะแสมายังกรมฯ หรือหน่วยงานในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เข้าทำการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเหล่านี้ได้ทันท่วงที