24 เม.ย.66 - ลองใช้! กรมอนามัยเสนอ 6 ไอเดีย ดับร้อนแถมประหยัดค่าไฟได้ผล พร้อมแนะก่อนเลือกซื้อน้ำแข็งต้องเลือกของดีมีมาตรฐาน ป้องกันป่วยโรคทางเดินอาหาร
ถ้าอยากดับร้อน พร้อมกับประหยัดค่าไฟ ลองใช้ 6 วิธีนี้ แนะนำโดยกรมอนามัย
1.จัดสภาพแวดล้อมให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ➡️ การจัดวางสิ่งของ สิ่งปลูกสร้าง ที่เหมาะสมกับทิศทางลม จะช่วยให้อากาศจากภายนอกถ่ายเทสู่ตัวบ้านได้ง่าย มีส่วนให้อุณหภูมิบ้านเย็นขึ้นได้ ขณะที่สิ่งของในบ้านหากมีการจัดวางที่ดี จะช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้มากขึ้น
•
2.ล้างแอร์ ล้างพัดลม ➡️ เครื่องปรับอากาศควรล้างทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ขณะที่พัดลมล้างทำความสะอาด 1-2 เดือนครั้ง ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ ให้การใช้งานได้ยาวนาน และมีส่วนประหยัดไฟได้เห็นผล
•
3.เปิดแอร์ที่ 25 องศาเซลเซียล เปิดพัดลมช่วยกระจายความร้อน ➡️ สามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มาก
•
4.ปิดสวิตช์ ถอดปลั๊กหลังไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า
5.เปิดประตู หน้าต่างให้อากาศถ่ายเท
6.เลือกใช้พลังงานทางเลือก ➡️ เช่น โซลาร์เซลล์
•
นอกจากนี้ กรมอนามัย ยังแนะนำการบริโภคน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อน ที่จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพมาตรฐาน มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงป่วยจากโรคระบบทางเดินอาหารได้
นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงหน้าร้อนเครื่องดื่มและของหวานคลายร้อนจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ประชาชนส่วนใหญ่เลือกซื้อกินเพื่อคลายร้อน ดับกระหาย อาทิ น้ำแข็งไส หวานเย็นขนมปังเย็น น้ำผลไม้ปั่น หรือน้ำต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำแข็งเป็นหลัก
•
“หากใช้น้ำแข็งที่ไม่สะอาดจะเสี่ยงต่อโรคในระบบทางเดินอาหารได้” ผู้ประกอบการควรเลือกน้ำแข็งที่มีวิธีการผลิตที่ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน GMP ซึ่งครอบคลุมด้านสุขลักษณะตั้งแต่ สถานที่ผลิต เครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการผลิต คุณภาพน้ำที่ใช้ผลิต ภาชนะบรรจุ กระบวนการบรรจุ กระบวนการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค การควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานอย่างสม่ำเสมอ
•
ส่วนประชาชนทั่วไปที่จะเลือกซื้อน้ำแข็งมาบริโภคจึงควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่ได้มาตรฐาน GMP มีเลขสารบบอาหาร 13 หลัก ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ภาชนะบรรจุสะอาด ต้องเป็นน้ำแข็งที่ผลิตเพื่อการบริโภค นอกจากนั้นอาจจะสังเกตุเมื่อน้ำแข็งละลายจะต้องใส ไม่มีตะกอนขาวขุ่น ๆ ปะปนมาจากน้ำแข็งดังกล่าว
•
กระทรวงสาธารณสุขได้ควบคุมการผลิตน้ำแข็งเพื่อจำหน่ายในเรื่องของคุณภาพมาตรฐานต่างๆ ตามประกาศกระทรวสาธารณสุข ฉบับที่ 78 (พ.ศ.2527) และฉบับที่137 (พ.ศ.2534)เรื่องน้ำแข็ง เพื่อกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานดังกล่าว “หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท” เป็นไปตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติอาหารพ.ศ.2522
•
นอกจากนั้นพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 ยังบัญญัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการควบคุมตรวจสอบสุขลักษณะของการจำหน่ายน้ำแข็งในร้านอาหารและแผงลอย ตามข้อกำหนดของท้องถิ่นนั้น ๆ ด้วย หากฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตาม อาจมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
•
ดังนั้น ผู้จำหน่ายน้ำแข็งจะต้องคำนึงถึงความสะอาดและปลอดภัย สถานที่เก็บรักษาเพื่อจำหน่ายต้องมีระดับสูงกว่าทางเดิน ง่ายต่อการทำความสะอาด และไม่มีสิ่งปนเปื้อนในน้ำแข็ง ภาชนะที่ใช้บรรจุน้ำแข็งต้องสะอาด ไม่มีจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค
“หากเป็นน้ำแข็งที่บรรจุในถุงพลาสติกจะต้องเป็นพลาสติกไม่มีสี และไม่บรรจุในถุงพลาสติกที่ผ่านการใช้มาแล้วหรือเป็นถุงที่เคยบรรจุสารเคมีมาก่อน” เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืชหรือปุ๋ย เป็นต้น ถ้าบรรจุในถังน้ำแข็งต้องเป็นถังที่บรรจุน้ำแข็งอย่างเดียวอาจจะมีที่ตักน้ำแข็งแบบมีด้ามเพื่อใช้ตักน้ำแข็งเท่านั้น ไม่ควรใช้แก้วหรือถ้วย กระป๋องจ้วงตักน้ำแข็งและห้ามนำขวดน้ำดื่ม น้ำอัดลม ผักหรือเนื้อสัตว์ แช่ในถังน้ำแข็งสำหรับบริโภค
•
“ทั้งนี้ ประชาชนควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่ถูกสุขลักษณะได้มาตรฐาน GMP และหากจะบริโภคน้ำแข็งที่ใช้ตักแบ่งขายในร้านอาหาร ควรหลีกเลี่ยงน้ำแข็งที่ขนส่งโดยถุงกระสอบหรือน้ำแข็งบดบรรจุกระสอบและผู้จำหน่ายต้องไม่นำสิ่งของอื่นมาแช่ปะปนกับน้ำแข็งบริโภค เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ที่จะตามมากับน้ำแข็งที่ไม่ได้มาตรฐาน”