นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กรรมการ กิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช. )กล่าวถึงมติของที่ประชุมบอร์ดนัดพิเศษ ที่ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงในการสนับสนุนการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ว่า ความเห็นของที่ประชุมบอร์ดเป็นฉันทมติที่ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ปฏิบัติตามข้อตกลง MOU ที่มีต่อกัน โดยให้ประชาชนทุกคนได้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ทุกแพลตฟอร์ม จากนี้ไป กกท. ต้องตรวจสอบอย่างจริงจังว่าได้ดำเนินการตามที่ได้พูดกันไว้หรือไม่ กสทช.ได้บอกกับกกท.แล้วว่ากฎ Must Cary คืออะไร ณ วันนี้ยังไม่ได้คุยกับ กกท. แต่ได้ทำหนังสือแจ้งไป ตัวแทนที่กกท.ส่งมาชี้แจงว่าเข้าใจในบันทึกข้อตกลงดี
นพ.สรณ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้าจะมีมติ กสทช.ได้เรียนกกท.มาชี้แจงแล้ว กกท.ได้ยืนยันว่าเข้าใจกฎ Must Carry การสงวนสิทธิให้เป็นไปตามบันทึกข้อตกลงข้อ 8 เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะให้ปฏิบัติตาม การเรียกคืนเงินสนับสนุนก็เป็นทางเลือกหนึ่งบอร์ดได้ส่งหนังสือให้แจ้ง กกท.แล้ว ซึ่งก็ต้องให้โอกาสกกท.ดำเนินการ แม้ว่าช่วงเวลาที่บอร์ดกสทช. ให้ กกท. ดำเนินการจะ สิ้นสุดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ไปแล้วแต่กระบวนการยังอยู่ เราคงต้องมาคุยกันว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
“ กสทช. หวังว่าก่อนถึงนัดชิงชนะเลิศจะได้ชมกันทุกแพลตฟอร์ม เราคาดหวังว่ากกท.คงจะปฏิบัติตาม คาดหวังว่าจะกดดันคู่สัญญาให้ปฏิบัติตาม สัญญาที่คุยกันไว้ เงินสนับสนุน 600 ล้านบาทเป็นการช่วยให้ กกท. เริ่มดำเนินการไปซื้อลิขสิทธิ์ เป็นเงินก้อนแรกที่กกท.ได้ไป สิ่งที่กกท. ไปทำสัญญาในการซื้อลิขสิทธิ์เป็นการดำเนินการภายใต้กฎหมายคนละฉบับก็ต้องดูว่ากฎหมายฉบับใดมีน้ำหนักกว่ากัน ในมุม ของเราก็เห็นว่ากฎ Must Carry เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติ”
นอกจากเรียก กกท. มาชี้แจง สำนักงานกสทช. ได้เชิญทางกลุ่มทรูมาชี้แจงด้วย โดยทรูได้ชี้แจงว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายกสทช. มีหน้าที่กำกับให้ กกท.ดำเนินการตามสัญญาที่มี กสทช.ไม่ได้ทำสัญญาลิขสิทธิ์กับทรู กสทช. กำชับให้ กกท.ทำตามสัญญากสทช. ทั้งนี้หากสุดท้ายเรื่องนี้จะต้องไปยุติที่ศาลปกครองก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่จะไปถึงตรงนั้นหรือไม่ต้องคุยกันก่อน ยังไงบอร์ด คงต้องเชิญกกท. มาคุย แม้การแข่งขันฟุตบอลโลกจะจบแล้ว“