EGAT ผนึกกำลังสร้างสังคมสีเขียวร่วมกับ KBank และ KBTG ในฐานะผู้ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน "ปันไฟ" (Punfai) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแลกเปลี่ยนไฟฟ้าแห่งแรกของไทยที่ตอบโจทย์การใช้งานครบทุกมิติ รองรับการใช้งานทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero โดยแอปฯ ปันไฟ มีฟีเจอร์สำคัญ คือ ผู้ช่วยจัดสรรไฟอัจฉริยะ เมนูส่งไฟให้บุคคลอื่นได้อย่างอิสระ และรีพอร์ตสรุปภาพรวมความคุ้มค่าจากการแลกเปลี่ยนไฟฟ้า รวมถึงการเชื่อมต่อนวัตกรรมทางการเงินให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น หวังให้คนไทยเห็นประโยชน์จากการใช้พลังงานสะอาด เพราะนอกจากจะช่วยยกระดับการสร้างโลกสีเขียวแล้ว ยังสามารถนำพลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ที่เหลือจากการใช้ในบ้านไปใช้ประโยชน์อื่นๆเช่น การปันไฟให้ผู้อื่นใช้โดยได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา สามารถช่วยผู้ผลิตในการคืนทุนแผงโซลาร์ได้เร็วขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ์ใช้พลังงานสะอาดในราคาไม่แพง ทั้งนี้คาดว่า "ปันไฟ" จะเริ่มทดลองใช้เฉพาะกลุ่มในไตรมาส 3 ของปีนี้ และจะขยายสู่คนไทยทุกคนในอนาคตต่อไป
นายณัฐวุฒิ แจ่มแจ้ง รองผู้ว่าการอาวุโส การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการพัฒนาต่อยอดจากแอปพลิเคชัน EGAT Peer to Peer Energy Trading (EGAT P2P) ที่ กฟผ. พัฒนาขึ้นและเข้าร่วมใน“โครงการ SolarPlus” ของธนาคารกสิกรไทย สู่แอปพลิเคชันใหม่ชื่อ “ปันไฟ” เพื่อให้เป็นแอปพลิเคชันแลกเปลี่ยนไฟฟ้าที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้า ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ นอกจากภารกิจผลิตและส่งไฟฟ้ากฟผ. ยังมีโซลูชั่นใหม่ด้านนวัตกรรมพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าในยุคดิจิทัลควบคู่ด้วย ทั้งในส่วนของการพัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการพลังงาน รวมถึงการสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานสะอาดของผู้ใช้ไฟฟ้าในประเทศ
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัญหาโลกร้อนส่งผลกระทบทั้งการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ ธนาคารจึงมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการสร้างสังคมสีเขียวให้เกิดขึ้นในไทย ภายใต้แนวคิด GO GREEN Together เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Net Zero โดยในปีที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำโครงการความร่วมมือกับพันธมิตรรวมถึงการทำแคมเปญทางการเงินเพื่อสนับสนุนลูกค้าให้เข้าถึงการใช้พลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น และในวันนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่ธนาคารได้เป็นผู้ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน "ปันไฟ" ให้กับ กฟผ. ซึ่งจะเป็นอีกจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยสนับสนุน Green Ecosystem ของไทย โดยธนาคารพร้อมนำความรู้ ทรัพยากร ทั้งด้านบุคลากรและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยี ร่วมพัฒนาแอปพลิเคชัน รวมถึงการเชื่อมต่อนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อให้ “ปันไฟ” กลายเป็นแอปพลิเคชันแลกเปลี่ยนไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในทุกมิติ
นายเชษฐพันธุ์ ศิริดานุภัทร Managing Director บริษัท กสิกร แล็บส์ จำกัด เปิดเผยว่า การสนับสนุนการสร้างสังคมสีเขียวเพื่อความยั่งยืน เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของ KBTG ทางบริษัทจึงพร้อมที่จะใช้ความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีและการออกแบบมาพัฒนา UX/UI (User Experience / User Interface) ให้กับแอปพลิเคชันปันไฟ ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานมีการใช้งานง่ายขึ้น
แอปพลิเคชัน “ปันไฟ” เป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการไฟฟ้าจากแผงโซลาร์ ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่งปันไฟฟ้าที่เหลือใช้และได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เพื่อลดภาระค่าไฟ ช่วยให้การลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) คืนทุนได้เร็วขึ้น และเป็นการนำไฟฟ้าทุกหน่วยไปใช้ได้อย่างคุ้มค่า ไม่เหลือไฟทิ้ง นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมนโยบายของประเทศในการ ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยมีคุณลักษณะที่โดดเด่น ดังนี้
1. ผู้ช่วยจัดสรรไฟอัจฉริยะ: มีระบบช่วยประเมินพฤติกรรมการใช้ไฟ และจัดสรรไฟที่ผลิตและเหลือจากการใช้งานในบ้านไปใช้ให้อัตโนมัติ ให้ทุกหน่วยไฟถูกนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ส่งไฟให้กัน: เลือกส่งไฟให้ใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่คุณรัก ครอบครัว หรือในอนาคตสามารถนำไปบริจาคให้หน่วยงานอื่นๆ ได้
3. สรุปภาพรวมความคุ้มค่า: รู้ได้ทันทีว่าประหยัดไปเท่าไหร่ ปันไฟช่วยคำนวณผลตอบแทน และค่าไฟที่ประหยัดไปได้ ไม่ต้องคิดเอง
ปัจจุบันแอปพลิเคชันปันไฟอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะสามารถทดลองใช้ใน ERC Sandbox กับ “โครงการ SolarPlus” และ โครงการของ กฟผ. ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการสนับสนุนให้เกิด Green Ecosystem ที่ครบวงจร และจะขยายสู่คนไทยทุกคนในอนาคตต่อไป
‘ไททัน แคปปิตอล’ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR)
ในโครงการ “ไททัน ปันอิ่ม ปันสุข เพิ่มรอยยิ้มให้ชุมชน” ณ หมู่บ้านซับตารี จ.จันทบุรี
บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และบริษัทในเครือ จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR : Corporate Social Responsibility) ในโครงการ “ไททัน ปันอิ่ม ปันสุข เพิ่มรอยยิ้มให้ชุมชน” สนับสนุนเงินทุนในโครงการเกษตรพอเพียง เติมเต็มโภชนาการอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนได้อิ่มท้องอย่างปลอดภัย พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชนอย่างยั่งยืนกับโครงการ “มัคคุเทศก์น้อยสอยดาว” โดยมีส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านซับตารี รวมถึงผู้นำชุมชนและประชาชนเข้าร่วม
ณ หมู่บ้านซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 28-29 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวว่า ในวันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดกิจกรรม CSR ณ โรงเรียนบ้านซับตารี โดยเป็นโครงการที่ดำเนินการภายใต้กรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่องค์การสหประชาชาติ (UN) Sustainable Development Goals หรือ SDGs ตามหัวข้อที่ 2: Zero Hunger ขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งมีความสอดคล้องกับนโยบายบริษัทที่มุ่งเน้นให้มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม
“ไททัน ปันอิ่ม ปันสุข เพิ่มรอยยิ้มให้ชุมชน” เป็นโครงการที่จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตร และเป็นแหล่งผลิตอาหารให้กับนักเรียนอย่างยั่งยืน โดยไททัน แคปปิตอลฯ
ได้สนับสนุนเงินทุนสำหรับการจัดทำโครงการเพื่อนำผลผลิตมาประกอบอาหารกลางวัน ทั้งการปลูกผักอินทรีย์ การทำโรงเรือนเพาะเห็ดปลอดสารเคมี การเลี้ยงเป็ด ไก่และปลา เพื่อเพิ่มโภชนาการอาหารกลางวัน”
นายแทนไท กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนโครงการ “มัคคุเทศก์น้อยสอยดาว” เพื่อรองรับการเป็นแลนด์มาร์กแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่จะเติบโตในอนาคตของ“ซับตารี” ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ชุมชนมีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมเฉพาะตัว โดยน้อง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการจะได้พัฒนาความรู้ความสามารถ และฝึกฝนให้มีทักษะการสื่อสารที่ดีสามารถอธิบายแหล่งท่องเที่ยวและบอกเล่าเรื่องราวของท้องถิ่นได้ เพื่อนำไปสู่การเป็นมัคคุเทศก์มืออาชีพในอนาคต และส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป
“ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณผู้บริหารหน่วยงานทุกภาคส่วน ที่ให้ความร่วมมือในการจัดทำโครงการจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยหลังจากนี้ ไททัน แคปปิตอลฯ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการติดตามประเมินผลของโครงการร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษาต่อไป และเราพร้อมเดินหน้าสานต่อโครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเราเชื่อว่าพลังแห่งการแบ่งปัน คือ พลังแห่งการให้อย่างยั่งยืน” นายแทนไท กล่าวในตอนท้าย
สำหรับบรรยากาศการเข้าร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนบ้านซับตารี ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับนักเรียนและคนในชุมชนมากมายพร้อมเยี่ยมชมหลุมหลบภัย ประวัติศาสตร์ซับตารี นำชมโดยมัคคุเทศก์น้อยสอยดาว พร้อมทำกิจกรรมร่วมสนุกกับน้อง ๆและมอบอุปกรณ์การเรียนการสอน ทำอาหารกลางวันให้แก่น้อง ๆ และร่วมปลูกผักที่แปลงเกษตรอินทรีย์ ฟาร์มเป็ด ฟาร์มไก่ฟาร์มเห็ด และปล่อยปลาลงสู่บ่อเลี้ยงปลา
จากนั้นได้เยี่ยมชมความมหัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธาแห่งใหม่ของจังหวัดจันทบุรี ไม่ว่าจะเป็น “เขาระฆัง” หินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตั้งอยู่บนยอดเขาที่มีเสียงเคาะกังวานดังเหมือนระฆัง “หินโขลงช้าง”
หินธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายโขลงช้าง ที่สามารถมองเห็นแสงสะท้อนจากตัวหินในยามค่ำคืนปรากฏเป็นรูปเศียรพญานาครวมถึงสำรวจอุโมงค์เขาถ้ำพระ ก่อนเดินทางกลับได้เยี่ยมชมวัดคลองแจง (วัดเขาแจงเบง) เพื่อสักการะพระพุทธรูปหยกขาวน้ำหนัก 6 ตัน และพระพุทธรูปศิลาทรายเขียว น้ำหนัก 140 ตัน ชนิดก้อนเดียว ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปิดท้ายกิจกรรมด้วยการร่วมกันปลูกต้นไม้มงคล ที่ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เพาะชำกล้าไม้จังหวัดจันทบุรี (พังงอน) ณ วัดคลองแจง (วัดเขาแจงเบง) ตำบลสะตอน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี