นายเคตะ เอกาซิระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จํากัด กล่าวว่า SECOM คือ ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น มีบริษัทในเครือและกิจการสาขา ต่างประเทศ 17 ประเทศ ดําเนินธุรกิจด้านการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยและโซลูชันครบวงจร (รวมถึงธุรกิจอื่น) ที่ช่วยมอบความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น สนามบิน โรงงานอุตสาหกรรม กิจการห้างร้าน รวมไปถึงที่พักอาศัย และได้เริ่มเข้ามาดําเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2530 ปัจจุบันมีศูนย์บริการมากกว่า 50 สาขา
นายสุกษม ช่วงโซติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จํากัด กล่าวถึง ภาพรวมธุรกิจรักษาความปลอดภัยในประเทศไทยว่า ความโดดเด่นของตลาดนี้ในประเทศไทย คือ ผู้บริโภคมีการตื่นตัว และใช้กล้องวงจรปีด (CCTV) อย่างแพร่หลาย ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ASEAN ที่มีการใช้กล้องวงจรปิดและระบบสัญญาณเตือนภัย (Alarm System) เป็นโซลูชันด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นหลัก สําหรับตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย คาดว่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเติบโต ได้แก่ การขยายตัวของเมือง เนื่องจากผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้น ความต้องการต่อระบบรักษาความปลอดภัยสําหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจจึงเพิ่มมากขึ้น วิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไป ครอบครัวที่มีขนาดเล็กลง ส่งผลให้มีคนดูแลบ้านน้อยลง ความต้องการระบบรักษาความปลอดภัยจึงเพิ่มมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนมีแนวโน้ม ที่จะลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อ ปกป้อง ตนเองและทรัพย์สินของพวกเขา เทคในโลยีเกิดใหม่ เช่น Al และ loT ที่ทําให้ระบบรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยขับเคลื่อนความต้องการต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้
ในฐานะผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถมอบความอุ่นใจ ให้กับคนไทยได้มากขิ้น โดย SECOM ได้นําเสนอโซลูชันความปลอดภัยแบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็น กล้องวงจรปิด ระบบสัญญาณเตือนภัย ระบบควบคุมการเข้า-ออก (Access Control) และอื่นๆ โดย SECOM มีประสบการณ์ด้านการให้บริการสัญญาณเตือนภัย พร้อมด้วยทีมงานมืออาชีพ ในส่วนของระบบสัญญาณเตือนภัยแบบออนไลน์ (Online Security System) นั้น เป็นโซลูชันความปลอดภัยที่ SECOM ได้รับความนิยม และมีส่วนแบ่งทางการตลาด เป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา SECOM ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าชาวไทย ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์ SECOM จากประเทศญี่ปุ่น ทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ง่ายต่อการใช้งาน และ ราคาที่คุ้มค่า โดยมีแพ็คเกจหลากหลายให้เลือกสรร ตอบโจทย์ทุกความต้องการและงบประมาณของลูกค้าทุกกลุ่มได้ อย่างเหมาะสม ทำให้ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตเป็นเลขสองหลัก (Double Digit) ทั้งจำนวนผู้ใช้ใหม่ และยอดขายทั้งหมด โดยมียอดขายในปี 2566 สูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
นายเอกรัฐ วิภาณุรัตน์ ผู้อํานวยการสํานักกรรมการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม คากัด เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา SECOM ได้เปิดตัว Smart Security โซลูชันความปลอดภัยอัจจริยะครบวงจรที่ออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า
ใช้งานง่ายเหมาะสําหรับลูกค้าทุกประเภท ตั้งแต่บ้านพักอาศัย (Home) ไปจนถึงธุรกิจ (Business) ขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้วยเซนเซอร์คุณภาพสูงและประสิทธิภาพของระบบวิเคราะห์ภาพอัจฉวิยะ (Smart Video) ที่หลากหลาย ระบบสามารถตรวจจับความผิดปกติต่างๆ และแจ้งเตือนลูกค้าบนสมาร์ทโฟนได้ทันที ช่วยให้ลูกค้าได้เห็นถึงเหตุผิดปกติที่เกิดขึ้นและสามารถจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ SECOM Smart Secunty ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุมร้านค้าผ่านสมาร์ทโฟนได้ สะดวก อาทิ การสั่งเปิด-ปีดร้าน การควบคุมแสงสว่าง และการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ และยังสามารถควบคุม ร้านค้าหลายแห่งได้ในแพลตฟอร์มเดียว รวมถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าภายในร้านค้าผ่านฟีเจอร์ Business Activity Analytics ข้อมูลเหล่านี้สามารถนําไปปรับปรุงการดําเดินงานของรุกิจให้ดขึ้น โดบร้อมุคทั่งมดูกจัดเก็บ บนคลาวด์ (Cloud Storage) ที่มีความปลอดภัยสูง
ปัจจบัน SECOM มีฐานลูกค้าองค์กร (B2B) ที่แข็งแกร่ง และยังคงได้รับการตอบรับที่ดีทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการที่เราได้เปิดตัวตลาด Smart Security มาได้ลักระยะหนึ่ง ทําให้เราสามารถขยายตลาดลูกค้าทั่วไป (B2C) ได้มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำศัญ
ด้วยเสียงตอบรับอย่างอบอุ่นจากการเริ่มให้บริการ Smart Security ทําให้บริษัทฯ เดินหน้านําเสนอบริการใหม่ Smart Security Care ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับดูแลผู้สูงวัยภายในบ้าน สอดรับกับสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว ตามข้อมูลของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ณ สิ้นปี 2565 ประเทศไทยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 13 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด โดยในจํานวนนี้ 10% เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลําพัง และอีก 4.6% เป็นผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ด้วยกันดูแลซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ จำนวนผู้สูงวัยคาดว่า จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอัตราการเกิดที่ต่ำและอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น.จากปัจจัยดังกล่าว ตลาดสินค้าและบริการสำหรับผู้สูงวัยจึงมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยในด้านความปลอดภัย ผู้สูงวัยเป็นกลุ่มเกษียณอายุที่เปราะบางและเสี่ยงต่ออันตรายต่างๆ ตลอดเวลา ในขณะเดียวกัน ผู้สูงวัยมักไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี ดังนั้น การออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการจะต้องคํานึงถึงความง่ายในการใช้งาน ความสะดวก ความปลอดภัย ราคาที่เหมาะสม ตลอดจนถึงบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ
จากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในประเทศไทยที่ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คนวัย ทํางานส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาให้กับการงานของตน SECOM จึงมุ่งมั่นพัฒนาบริการใหม่ SECOM Smart Security Care ภายใต้คอนเซ็ปต์ Caring By Your Side มุ่งให้ความสําคัญกับผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลําพัง ด้วยโซลูชันอัจฉริยะที่ทําให้ สมาชิกในครอบครัวรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้จะอยู่คนละที่ โดยมีจุดเด่น 3 ประการ ได้แก่
1.ด้านความปลอดภัย ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงโดยทีมงานมืออาชีพ ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ SECOM จะติดต่อลูกค้าและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งส่งทีมปฏิบัติการไปที่พื้นที่ลูกค้าตามความจำเป็น
2.ด้านสุขภาพ ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถติดตามกิจกรรมในแต่ละวันของผู้สงวัยได้สะดวกผ่านแอปพลิเคชัน จับสังเกตแม้การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็สามารถช่วยบ้องกันการเจ็บป่วยหรือการบาดเจ็บที่ร้ายแรงของผู้สูงวัยได้
3.ด้านการช่วยเหลือฉุกเฉิน แจ้งเตือนทั้งสมาชิกในครอบครัวและ SECOM ในกรณีที่ผ้สูงวัยมีปัญหาสุขภาพ สมาชิก ครอบครัวสามารถรับข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านทางแอปพลิเคชัน และในกรณีฉุกเฉิน SECOM จะช่วยประสานงาน จัดเตรียมรถพยาบาลตามความจําเป็น