26 กันยายน เป็นวันคุมกำเนิดโลก เรามาร่วมย้อนามัยความเป็นมาของอุปกรณ์ป้องกันท้อง ถุงยางอนามัย หรือ condom ชื่อ "condom" มาจากชื่อของ "Dr.Condom" หรือ "Dr.Conton" คนที่คิดค้นถุงยางอนามัยจากเนื้อเยื่อของลำไส้แกะที่ยืดเหยียดออกและชโลมน้ำมัน ถุงยางอนามัย เป็นอุปกรณ์ป้องกันการตั้งครรภ์ และสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถึงยางอนามัยเกิดขึ้นมาครั้วแรกเป็นพันปีแล้ว จากบันทึก ชาวอียิปต์โบราณเป็นผู้คิดค้นการใส่ถุงยางอนามัย โดยใช้ผ้าลินินมาหุ้มปลายองคชาติเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีการแบ่งสีของผ้าลินินคนละสี เพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคม
ยังมีบันทึก ประเทศญี่ปุ่นและจีน เริ่มใช้ถุงยางอนามัย ทำจากกระดองเต่าและกระดาษทาน้ำมันหรือไส้แกะ ในยุโรป ถุงยางอนามัย นำมาใช้ครั้งแรกประมาณปี 1564 โดย Gabrielle Falloppia นักกายวิภาค ศาสตร์ชาวอิตาลี ทำให้ Falloppia ได้รับยกย่องเป็นบิดาแห่งการคุมกำเนิด Falloppia เอาถุงผ้าลินินไปชุบน้ำเกลือก่อนมาหุ้มบริเวณปลายอวัยวะเพศชาย มีผู้ทดลองเป็นพันคน ปรากฏว่าวิธีของ Falloppia ปลอดภัย ต่อมา Charles Goodyear นักเคมีชาวอเมริกัน พบวิธีทำถุงยางด่วยการใช้วัสดุที่ทำจากยางมีความยืดหยุ่น สูง
ถุงยางเข้ามาในประเทศไทยตอนปี 1974 เริ่มแรกคือคุมกำเนิดต่อมาใช้ป้องกันโรคติดต่อ และมีการใช้ถุงยางมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ถุงยางอนามัยทำจากโพลียูรีเทน เหนียวกว่ายางดิบสองเท่า สามารถผลิตแผ่นฟิล์มที่บางและไวต่อความรู้สึก วิวัฒนาการของถุงยางอนามัยถูกพัฒนาต่อมาเรื่อยๆ
กระบวนการผลิตถุงยางอนามัยเริ่มตั้งแต่การนำเอายางพาราดิบจากสวนมาตรวจสอบคุณภาพ แล้วจึงเข้าสู่โรงงาน จากนั้นจะกำหนดรหัสประจำตัวสำหรับทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อความความคงตัวและทนทานของยาง จะใช้เวลาบ่มตัวมากกว่า 10 วัน เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีอย่างสมบูรณ์ ถัดมาคือการ "จุ่มขึ้นรูป" ที่ต้องทำภายในห้องปลอดฝุ่นละออง ติดตั้งระบบกรองอากาศไฟฟ้าสถิต โดยแท่งแก้วสำหรับขึ้นรูปที่เรียงต่อกันเป็นแถว แล้วเคลื่อนตัวลงจุ่มในถังที่มีส่วนผสมน้ำยางธรรมชาติที่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม กลายเป็นถุงยาง