21 ส.ค.68 - SIAMJNK ยืนหนึ่งรับรางวัล PRIX D’EXCELLENCE จาก FIABCI ย้ำวิชั่นผู้บุกเบิก “The First Boutique Warehouse in Thailand” คลังสินค้าพรีเมี่ยมตัวจริง พร้อมสยายปีกอาเซียน
SIAMJNK ผู้บริหารคลังสินค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “The First Boutique Warehouse in Thailand” ด้วยการเปิดพื้นที่ส่วนที่ดีที่สุดของโครงการเป็น WLUBHOUSE รองรับผู้เช่าที่ต้องการพื้นที่ส่วนกลางเพื่อการรองรับกิจกรรมขององค์กร สร้างมิติใหม่ให้กับธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า ล่าสุดด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบดังกล่าวส่งให้ WLUBHOUSE ได้รับรางวัล PRIX D’EXCELLENCE ประเภทคลังสินค้านวัตกรรมและบูทีค จาก FIABCI สมาคมอสังหาริมทรัพย์สากล ที่ได้รับการยอมรับจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จาก 90 ประเทศทั่วโลก พร้อมตั้งเป้าสยายปีกสู่อาเซียนภายใน 3 ปี
นายธิติ คัณธามานนท์ ประธานบริหาร SIAMJNK Group เปิดเผยว่า WLUBHOUSE ถือเป็นนวัตกรรมสำคัญของการให้บริการคลังสินค้าที่เกิดขึ้น จากการตกผลึกประสบการณ์บริหารคลังสินค้ากว่า 25 ปี ทำให้ทราบความต้องการผู้เช่าใน 3 ประเด็นหลัก คือ Location , Security , Facilities และยังเติมเต็ม Passions ด้วย Design ที่เปลี่ยนภาพจำคลังสินค้าไปจากเดิม พร้อมบริการที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เช่า เพื่อสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างมีคุณภาพชีวิต ทำให้ SIAMJNK เป็นผู้บริหารคลังสินค้าที่เข้าถึงใจผู้เช่าได้มากกว่า ด้วยขนาดถนนเข้า-ออกโครงการที่มีความกว้างรองรับรถเทรลเล่อร์ สามารถเข้าออกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยระบบกล้องวงจรปิดมาตรฐานบริการระดับสากล อีกทั้งภายในโครงการยังออกแบบให้มีร้านอาหารระดับพรีเมี่ยมริมน้ำเจ้าพระยา เพิ่มพื้นที่สันทนาการ และรับรองแขกพิเศษของผู้เช่า
เฉพาะอย่างยิ่งอาคาร Clubhouse ที่เป็นเหมือน Landmark ของคลังสินค้า โดดเด่นด้วยคอนเซปต์และการออกแบบ ช่วยสะท้อน Entrepreneurial society ของผู้เช่าให้แตกต่างชัดเจนยิ่งขึ้น การนำร่องด้วย Concept Idea ที่ฉีกกฎของคลังสินค้าแบบเดิมทิ้งอย่างสิ้นเชิงนี้เอง SIAMJNK ยังได้มุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยบริการช่วยเหลือผู้เช่าในการออกแบบจัดวางผังเก็บสินค้าโดยวิศวกรอาชีพผ่านกระบวนการ Work study ตัวช่วยผู้เช่าในการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งบริการฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟ ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานครให้กับผู้เช่าเป็นประจำทุกปี รวมถึงจัดชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้สำหรับผู้เช่าทุกยูนิต นอกจากนี้ยังมีบริการรถโฟล์คลิฟท์สำหรับผู้เช่าในโครงการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังมีบริการแจ้งซ่อมผ่านระบบ Dotify ช่วยให้ผู้เช่าติดตามการซ่อมแซมแบบ Realtime นับเป็นการเติมเต็มความต้องการให้กับผู้เช่าจากผู้บริหารคลังสินค้ามืออาชีพอย่างแท้จริง
“การได้รับรางวัล PRIX D’EXCELLENCE จาก FIABCI เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า วิสัยทัศน์ที่เราบุกเบิกมาในฐานะผู้บริหารคลังสินค้า ด้วยนวัตกรรม WLUBHOUSE ซึ่งจริงๆ แล้ว คือพื้นที่ส่วนกลางที่มาช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้เช่า เขาสามารถรับรองแขกสำคัญ จัดกิจกรรมทางการตลาดได้แม้จะอยู่ในคลังสินค้า รางวัลดังกล่าวจึงทำให้ SIAMJNK ไม่ใช่เพียงผู้บริหารคลังสินค้า แต่เป็นผู้สร้างสรรค์พื้นที่สำหรับธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ สะท้อนว่าแท้จริงแล้ว SIAMJNK ไม่ได้มองเพียงโครงสร้างอาคารที่เป็นคลังสินค้าแต่เรามองลึกเข้าไปที่ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป วันนี้ลูกค้าเหมือนพาร์ทเนอร์ที่จะเติบโต แข็งแรง เป็นคู่ค้า คู่คิดต่อกัน ผู้ประกอบการยุคใหม่ต้องการความยืดหยุ่นกับสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวนเสมอ ต้องการสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีคุณภาพชีวิตที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ ที่สำคัญต้องการพื้นที่ในการประกอบธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุนเขาได้มากขึ้น”
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ SIAMJNK มุ่งพัฒนาพื้นที่ ใจกลาง CBD เป็นคลังสินค้า ใน 7 ทำเลหลัก คือ สาทร-ถนนจันทน์ ,ราษฏร์บูรณะ,ลาดพร้าว 87 ,วิภาวดี- สุทธิสาร ,พระสมุทรเจดีย์ ,สำโรง และ Chinatown ทรงวาด ที่แต่ละทำเลมีระยะห่างจากทางด่วนและรถไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกิน 3 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ใช้สอยยืดหยุ่นให้กับลูกค้า ตั้งแต่ 200 – 5,000 ตร.ม. โดยมีกลุ่มลูกค้าสำคัญยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจระดับใหญ่ Corporate ที่มีความต้องการมาตรฐานคลังสินค้าการบริการคลังสินค้าระดับสากล ด้วยสัดส่วนอยู่ที่ 30% ของผู้เช่าทั้งหมด ตลอดจนผู้ประกอบการ SMEs ที่กำลังเติบโตมีความแข็งแรงเพียงพอต้องการคลังสินค้าที่มีมาตรฐานรองรับ และสุดท้ายคือกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ในกลุ่มตลาดล่างถึงกลางที่เป็นกลุ่มผู้เช่า ที่เดิมมักมีคลังสินค้าย่อยตามอาคารพาณิชย์ โรงงานเก่าหรือคลังสินค้าขนาดเล็ก กระจายตัวอยู่ทั่วเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล แต่วันนี้ต้องการทำเลเก็บสินค้าใจกลาง CBD ที่มีระบบมาตรฐานรองรับ โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากถึง 70% ของผู้เช่า ซึ่งนายธิติย้ำว่าวันนี้ยังไม่มีคลังสินค้าใจกลางเมืองใดมีศักยภาพเพียงพอเท่า SIAMJNK
นอกจากมาตรฐานการบริการคลังสินค้าที่ผู้เช่าเพียงแค่เก็บกระเป๋าก็เข้าใช้พื้นที่ได้เลยแล้ว การใช้ ระบบ Dotify มาช่วยในการแจ้งซ่อมของผู้เช่านี้เอง เป็นระบบที่อำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพความพึงพอใจของผู้เช่ามากยิ่งขึ้น เพราะระบบดังกล่าวจะช่วยจัดเก็บข้อมูลการซ่อม การบริการ อาทิ การติดตามสถานะการซ่อมแซมของผู้เช่าสามารถทำได้แบบ Realtime ซึ่งช่วยลดต้นทุนและสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที ช่วยเพิ่มความพึงพอใจของผู้เช่ายิ่งขึ้น รวมถึงการดำเนินนโยบาย Reduce, Reuse, Recycle, Renewable , Resposibilities ในการจัดการสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้ระบบ Solar Cell และการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างที่มีแหล่งกำเนิดจากการ Recycle หรือสามารถนำกลับมา Recycle ได้ ตลอดจนปลูกฝังจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมให้กับผู้เกี่ยวข้องและชุมชนใกล้เคียง เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จที่ทำให้ SIAMJNK ได้รับการรับรอง ISO 9001 และ ISO 14001 ในที่สุด
“วันนี้เทรนด์ของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ กำลังพูดถึง ESG (Environment ,Social,Governance) เป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนโดยไม่หวังผลกำไรเพียงอย่างเดียว SIAMJNK เองได้ใช้หลักคิดดังกล่าวดำเนินธุรกิจมาต่อเนื่อง เราได้จัดสรรค์งบประมาณเพื่อคืนสู่สังคม ในรูปแบบทุนการศึกษาที่มอบให้กับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในชุมชนมาโดยตลอด การสนับสนุนกิจกรรมกีฬา และมอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทุกปี เพราะมองเห็นความสำคัญของการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพและจริยธรรมเข้าสู่สังคม นี่เป็นส่วนหนึ่งของแนวทาง ESG ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์ธุรกิจที่ SIAMJNK ทำมาต่อเนื่อง วันนี้เราค่อนข้างภูมิใจที่มีส่วนกระตุ้นให้อุตสาหกรรมคลังสินค้าใน CBD คึกคักอย่างเห็นได้ชัด และผู้ให้บริการรายอื่นเริ่มหันมาให้ความสำคัญ ใส่ใจกับการออกแบบสถานที่ ทำเลที่ตั้งที่ช่วยลดต้นทุนบริหารแก่ผู้เช่า รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและงานบริการมากขึ้น”
นายธิติได้พูดถึงแนวโน้ม โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่องทั้งจากปัญหาสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา - จีน ,การประกาศอัตราภาษีของสหรัฐอเมริกากับคู่ค้าที่ประเทศไทยเพิ่งได้บทสรุปที่ 19% รวมถึงปัญหาสถานการณ์สงครามในแต่ละภูมิรัฐศาสตร์ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการค้าโลก พฤติกรรมผู้บริโภค ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะผันผวนยิ่งขึ้น ส่งกระทบโดยตรงต่อต้นทุนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ จากการปรับเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือสินค้า และการขนส่งทางอากาศที่ต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัย แต่ในวิกฤติดังกล่าวยังมีโอกาสสำหรับ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย
•
ด้วยเหตุผลนี้เอง จะทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศผู้ส่งออก และนำเข้าสหรัฐอเมริกาโยกย้ายฐานการผลิตครั้งสำคัญ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีพื้นฐานระบบสาธารณูปโภค และฐานแรงงานรองรับ มีตัวแปรสำคัญคือกลุ่มทุนจีน และอินเดีย สองประเทศผู้ผลิตสำคัญของโลก ที่อัตราภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐอเมริกา ของจีนอยู่ที่ 30% ส่วนอินเดียขยับขึ้นไปแตะที่ 50% ประกอบกับทำเลของไทยตั้งอยู่ใจกลางภาคพื้นอินโดจีน จะได้รับอานิสงส์นี้ไปด้วย ทั้งเป็นทำเลเก็บสินค้าเพื่อการกระจายสู่ภูมิภาค หรือการลงทุนตั้งฐานการผลิตเพื่อส่งต่อ คู่ขนานกับเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทยที่มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 10 ปีนี้ จะยิ่งช่วยทำให้ต้นทุน Logistic ของไทยลดลง ฉายภาพของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ไทยเฉิดฉายยิ่งขึ้นในภูมิภาคอาเซียน
•
สำหรับภายในประเทศไทยเอง แม้ภาพรวมดูเหมือนว่าเศรษฐกิจจะดูชะลอตัว แต่อานิสงส์การย้ายฐานการผลิต ส่งผลถึงไทยโดยตรงต่ออุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ในฐานะกลุ่มประเทศผู้นำของอาเซียน โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคธุรกิจ E – commerce ที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในรายที่สามารถแข่งขันได้ ,การย้ายฐานการผลิต และการเติบโตของสังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีโดยเฉพาะด้าน AI เป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาคลังสินค้าให้มีมาตรฐาน ส่วนในรายที่มีความพร้อมในการพัฒนา นั้นเริ่มมองหาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนและสร้างมาตรฐานให้ดียิ่งขึ้น ทิศทางหลักจะมีการเปลี่ยนผ่านจากคลังสินค้าแบบดั้งเดิมไปสู่คลังสินค้าสมัยใหม่ ส่วนความจำเพาะของตลาดคลังสินค้า ลูกค้าจะมีความต้องการพื้นที่คลังสินค้ามีความหลากหลาย มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ความผันแปรทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคและสถานการณ์เศรษฐกิจ
•
นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของ SIAMJNK ที่ได้วางตำแหน่งตัวเองไว้ชัดเจน ในฐานะผู้นำการเป็นผู้ให้บริการคลังสินค้ามาตรฐานสากลในพิกัดใจกลาง CBD ของไทย ที่เข้าใจความต้องการผู้เช่า กำลังมองหาทำเลเติมเต็มสินค้าและบริการ ให้เข้าถึงลูกค้าของตนอย่างทันท่วงที ด้วยประสบการณ์ที่ช่ำชองในการบริหารจัดการคลังสินค้าให้เช่าของ SIAMJNK นี้เอง นายธิติ จึงวางเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีนี้ SIAMJNK น่าจะสยายปีกไปในภูมิภาคอาเซียน ที่ล่าสุดได้มีการศึกษาตลาดคล้ายคลึงกับการขยายของสังคมเมืองกรุงเทพ อย่างสิงคโปร์ ที่มีพื้นที่จำกัดในชุมชนเมือง แต่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี รวมถึงการสนับสนุนของภาครัฐให้เกิด Business Matching กับเวียดนาม ประเทศคู่ค้าที่มีอัตราการเติบโต GDP ร้อนแรงที่สุดของภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเติบโตของสังคมเมืองที่ขยายในทุกทิศทุกทาง นั่นหมายความว่าที่นั่นต้องการระบบโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพและมากประสบการณ์อย่าง SIAMJNK