16 มี.ค.65 – ก่อนกินต้องล้างให้ดี! สภาองค์กรของผู้บริโภค ตรวจสอบพบส้มที่มาจากการปลูกในประเทศจำนวน 41 ตัวอย่าง มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน 100%
ทำเอาคนที่ซื้อผลไม้อย่างส้มและน้ำส้ม ต้องคิดหนักก่อนบริโภคส้มผลสด หรือน้ำสมบรรจุขวดกันเลยที่เดียว เมื่อสภาองค์กรของผู้บริโภค ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นิตยสารฉลาดซื้อ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน) ตรวจสอบผลไม้หนึ่งชนิดที่ยอดฮิตในทุกเทศกาล “ส้ม” ในโครงการเฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสารเคมีเกษตรตกค้างในส้มและน้ำส้มในภาชนะบรรจุปิดสนิท แบ่งเป็นส้มจำนวน 60 ตัวอย่าง และน้ำส้ม 10 ตัวอย่าง
พบว่า! ส้มที่มาจากการปลูกในประเทศ จำนวน 41 ตัวอย่าง “มีสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน 100%” หรือเรียกได้ว่าทุกตัวอย่างนั้นไม่ปลอดภัย ส่วนส้มที่มาจากการนำเข้า 19 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐาน 16 ตัวอย่างหรือ 84.21% ซึ่งมีเพียง 3 ตัวอย่างที่มีปริมาณสารพิษตกค้างอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
สำหรับน้ำส้มในภาชนะบรรจุปิดสนิท ซึ่งผมมีขายทั้งในร้านค้าชั้นนำ และท้องตลาดทั่วไป ผลิตภัณฑ์นี้จากการตรวจสอบก็ พบว่า 50% ของกลุ่มตัวอย่างมีการตกค้างของสารพิษ
นางสาวทัศนีย์ แน่นอุดร รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวว่า ส้มเป็นผลไม้ที่มีโรคและศัตรูพืชมากทำให้การเพาะปลูกต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเพื่อป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืชมากชนิดตามไปด้วย ปัญหาที่ตามมาคือ ทุกครั้งที่มีการสำรวจการตกค้างของสารพิษในส้มในหลายปีที่ผ่านมา พบการตกค้างของสารพิษเกินค่ามาตรฐานมาโดยตลอด
•
เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ ที่มีการสุ่มเก็บตัวอย่างของส้ม ระหว่างวันที่ 3-10 มกราคม 2565 จากแหล่งผลิตทั้งในและต่างประเทศ ครอบคลุมช่องทางจำหน่ายในปัจจุบัน ได้แก่ ตลาดค้าส่ง ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ เป็นตัวอย่างส้ม 60 ตัวอย่าง และน้ำส้มบรรจุในภาชนะปิดสนิท 10 ตัวอย่าง รวมเป็น 70 ตัวอย่าง สำหรับส้ม ได้เก็บตัวอย่างส้มให้ครอบคลุมสายพันธุ์ส้มที่จำหน่ายในช่วงเวลา และส่งวิเคราะห์สารพิษตกค้างแบบ multi-residue analysis ครอบคลุมสารพิษตกค้างจำนวน 567 รายการ ที่ห้องปฏิบัติการ TÜV SÜD ITALY ประเทศอิตาลีซึ่งได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025
โดยหากจำแนกเป็นสายพันธุ์ทางการค้าได้ 13 สายพันธุ์ ได้แก่ ส้มสายน้ำผึ้ง 18 ตัวอย่าง ส้มเขียวหวาน 12 ตัวอย่างส้มโชกุน 9 ตัวอย่าง ส้มแมนดาริน 8 ตัวอย่าง ส้มสีทอง 3 ตัวอย่าง ส้มนาเวล 2 ตัวอย่าง ส้มเมอร์คอท 2 ตัวอย่าง ส้มซาถัง 2 ตัวอย่าง ส้มกัมควอท 1 ตัวอย่าง ส้มซันคิสท์ 1 ตัวอย่าง ส้มเอินชู 1 ตัวอย่าง และส้มเช้ง 1 ตัวอย่าง ทั้งนี้ 12 ตัวอย่างใน 41 ตัวอย่างที่ปลูกในประเทศ เป็นตัวอย่างที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP (Good Agriculture Practices) 11 ตัวอย่าง และ ThaiGAP 1 ตัวอย่าง และตัวอย่างน้ำส้มบรรจุในภาชนะปิดสนิท 10 ตัวอย่าง ได้แก่ Aro, Tipco, Chabaa, UFC, Malee, DoiKham, Sunfresh, Harvey Fresh, Green Garden และ Smile
อย่างไรก็ตามหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ยังไม่มีการกำหนดเกณฑ์ปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุดสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำส้มทำให้ไม่สามารถระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่พบการตกค้างนั้นมีความเสี่ยงสำหรับการบริโภคหรือไม่เพียงใด
•
คำแนะนำสำหรับผู้บริโภค
- ควรล้างผลส้มทุกครั้งก่อนการบริโภค แม้ไม่อาจลดสารตกค้างจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชประเภทดูดซึมได้ ก็ช่วยลดลงได้บ้าง
- เลือกซื้อส้มที่มาจากแหล่งการผลิตที่เชื่อถือได้ หรือส้มอินทรีย์ โดยต้องเรียกร้องให้ห้างและผู้ค้าต้องแสดงที่มาของส้ม
- ดูผลิตภัณฑ์ของน้ำส้มบรรจุภาชนะที่ตรวจไม่พบสารตกค้างได้จากลิงค์รายงานผลการตรวจ
- องค์กรที่เกี่ยวข้องจะนำผลการตรวจวิเคราะห์นี้เพื่อประสานงานกับผู้ประกอบการและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหานี้ต่อไป
ทั้งนี้ได้นำผลการตรวจสอบทั้งหมดนี้ สรุปเป็นข้อเสนอต่อผู้เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
• ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ลักลอบนำเข้า ครอบครอง หรือมีไว้จำหน่ายของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่ผิดกฎหมายโดยเฉพาะสารเคมีที่ประเทศไทยยกเลิกการใช้หรือไม่อนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียนแล้ว
• ปฏิรูประบบการรับรอง GAP เพื่อให้มั่นใจว่าผลผลิตหรือสินค้าที่ได้รับการรับรองจะไม่ตรวจพบการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างเกินมาตรฐาน
• ส่งเสริมและสนับสนุนเกษตรกรรมอินทรีย์เพื่อให้เป็นทางเลือกในการผลิตของเกษตรกรและผู้บริโภค
2. กระทรวงสาธารณสุข
• เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์สารพิษตกค้างในผักผลไม้ที่ด่านนำเข้า
• พัฒนากลไกเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในระดับพื้นที่และประเทศ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
• ควรยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคในกรณีน้ำส้มหรือน้ำผลไม้ในภาชนะบรรจุปิดสนิท รวมถึงประเมินความเสี่ยงจากการบริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้ป่วย
3. ข้อเสนอต่อภาคเอกชน ผู้จัดจำหน่าย
• ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ตลอดจนร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นแหล่งจัดจำหน่ายส้มขนาดใหญ่ควรสนับสนุนข้อมูลเรื่องที่มาของส้ม ที่นำมาจำหน่ายอย่างโปร่งใส (Traceability) เพื่อเป็นเครื่องมือให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบแหล่งผลิต สารเคมีที่ใช้ การเก็บเกี่ยว การบรรจุ ฯลฯ ได้อย่างสะดวกด้วยเทคโนโลยี เช่น การสแกนคิวอาร์โค้ด
• ผู้ผลิตที่นำส้มมาแปรรูป ควรคำนึงถึงแหล่งที่มาตลอดจนการคัดเลือกวัตถุดิบอย่างเป็นระบบเพื่อลดปัญหาการปนเปื้อนสารพิษตกค้างในผลิตภัณฑ์
4. ทางเลือกและการแก้ปัญหาของผู้บริโภค
• เลือกการสนับสนุนส้มที่ผลิตโดยวิธีการที่ไม่ใช้สารเคมี หรือผลผลิตที่ทราบที่มาและเชื่อถือได้ว่ามาจากระบวนการผลิตที่ปลอดภัย
• ล้างเปลือกส้มทุกครั้งที่บริโภค แม้ไม่สามารถลดปริมาณของสารเคมีที่ตกค้างได้ทั้งหมด เพราะมีสารเคมีประมาณครึ่งหนึ่งที่ดูดซึมไปสู่เนื้อส้มได้ แต่ก็เป็นการลดปริมาณของสารเคมีได้ระดับหนึ่ง
• ร่วมกันเรียกร้องให้ผู้บริหารกระทรวงเกษตร หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน ดำเนินการให้มีการปฏิรูปการผลิตการจัดจำหน่าย และกลไกการกำกับดูแลสารเคมีกำจัดศัตรูพืชให้มีความปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภคมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ขอบคุณที่มา : https://www.chaladsue.com/article/3948?fbclid=IwAR3IVMvi_cslMeq3q7MfmjYe6gx7vb57xxujobzSHaeyjrNF-w4-4wJ5eSc