กทม. 26 มี.ค.64 - วราวุธ กำชับขั้นเด็ดขาด จัดการปัญหาวางลอบดักปลาทำลายปะการัง ใช้กฎหมายจัดการผู้กระทำผิดสูงสุด ขณะที่ ทช. เตรียมประกาศมาตรการห้ามทำประมงบริเวณแหล่งปะการัง 17 แห่ง
ปัญหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทำประมงทิ้งจมอยู่ใต้ทะเลโดยเฉพาะในพื้นที่แนวปะการัง เป็นส่วนหนึ่งที่เร่งให้แหล่งปะการังเกิดสภาพเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว ระบบนิเวศทางทะเลได้รับผลกระทบในระยะยาว
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการแก้ไขจัดการอย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตามกำกับอย่างใกล้ชิด ก่อนพื้นที่กองหินใต้ทะเล จะกลายเป็นกองขยะใต้ทะเล ที่มีสภาพเสื่อมโทรม อาจทำให้สูญเสียแหล่งดำน้ำ และแหล่งเพิ่มระบบนิเวศทางทะเลไปอย่างรวดเร็ว
โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมออกคำสั่งกำหนดการคุ้มครองทรัพยากรปะการังในบริเวณกองหินใต้น้ำใน 6 จังหวัด 17 พื้นที่ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนเมษายน พร้อมกำหนดโทษรุนแรงจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนเองมีโอกาสลงพื้นที่ดำน้ำเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2563 บริเวณเกาะเต่า และได้พบลอบดักปลาผิดกฎหมายทำการประมงอยู่บนกองปะการัง จึงได้โพสต์เตือนชาวประมงว่ามีโทษหนักทั้งจำและปรับ
รวมทั้งได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการเก็บลอบดักปลาเหล่านั้นแล้ว ซึ่งเป็นปัญหาขยะทะเลยังทำความเสียหายต่อปะการัง ปะการังหักตายได้ อีกทั้งได้ให้นโยบายในการหาแนวทางและมาตรการเพื่อควบคุม กำกับ และป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ ทั้งการประชาสัมพันธ์ การพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของชุมชนและชาวประมง รวมถึง การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งได้เร่งรัดติดตามการดำเนินงานมาโดยตลอด หากมีพื้นที่ใดที่อาจจะได้รับผลกระทบในลักษณะนี้ ให้กำหนดมาตรการให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน นอกทั้งนี้ยังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการกำกับและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจาก เรื่องนี้มีหลายหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบดูแล
ย้ำว่าขออย่าทำการประมงแบบเห็นแก่ตัวบนแนวปะการัง ไม่ททิ้งเศษเชือก เศษอวน หรือเครื่องมือประมงไว้ในทะเลอีกซึ่งอุปกรณ์ประมงสามารถหาซื้อใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ปะการังและความสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย ไม่สามารถหาซื้อที่ไหนมาทดแทนได้อีก
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การดูแลแหล่งปะการังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ นักดำน้ำผู้มีประสบการณ์สูง และที่สำคัญ ต้องได้ระบความใส่ใจและความร่วมมือจากประชาชนและนักท่องเที่ยวทุกคน อย่างไรก็ตาม ตนได้เร่งรัดกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ ตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งอาจต้องใช้เวลาตามกระบวนการกฎหมาย แต่หากมีความจำเป็นต้องประกาศเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายต่อทรัพยากร สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 17 ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวได้เลย
กระบวนการทางกฎหมายอาจจะต้องใช้เวลา แต่เมื่อกฎหมายเปิดช่องให้เราสามารถดำเนินการได้ทันที เราต้องทำทันที ซึ่งที่ผ่านมากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเคยได้ประกาศมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลไปแล้วหลายฉบับ อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้สำรวจพื้นที่แหล่งปะการังอื่นเพิ่มเติม และหากจำเป็นต้องประกาศเพิ่มก็ให้เร่งดำเนินการทันที
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนกรมทรัพยากรทางทะเลชายฝั่ง (ทช.) ได้ระดมนักดำน้ำดำเนินการจัดเก็บลอบดักปลาที่จมทิ้งอยู่ใต้ทะเล รวมถึงเศษเชือก อวน บริเวณเกาะเต่า และดำน้ำสำรวจอีกหลายพื้นที่ และได้ประกาศคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังในบริเวณกองหินใต้น้ำไปแล้วตามที่ท่านปลัดได้กล่าว พร้อมได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่สนธิกำลังกับผู้ที่เกี่ยวข้อง สำรวจแหล่งกองหินใต้น้ำในหลายพื้นที่ โดยล่าสุดวันที่ 25 มีนาคม 2564 ได้ลงนามในคำสั่งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ 464/2564 เรื่อง การคุ้มครองทรัพยากรปะการังในบริเวณพื้นที่กองหินใต้น้ำพื้นที่จังหวัดจันทบุรีจังหวัดระยอง จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดปัตตานี และจังหวัดพังงา ซึ่งมีพื้นที่กองหินใต้น้ำ เพิ่มเป็น 17 แห่ง อยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะประกาศได้ภายในเดือนเมษายน 2564 และมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่ประกาศ
ซึ่งตามคำสั่งนี้ จะห้ามบุคคลใดเข้าไปทำการประมง ลอบ อวนทุกชนิดในบริเวณแนวปะการังใน 17 พื้นที่ ได้แก่ กองหินอ้ายลอบ อำเภอท่าใหม่ กองหินผุด อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี กองหินอันซีน (Unseen) อำเภอเมือง กองหินเพิง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง กองหินเจนทะเล กองหินพุ่ม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร กองหินชุมพร กองหินวง เกาะกงทรายแดง กองหินตุ้งกู กองหินใบ กองหินเกาะว่าว เกาะตุ้งกู เกาะตุ้งกา อำเภอเกาะพะงัน กองหินคันธุลี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะโลซิน จังหวัดปัตตานี กองหินหมูสัง เกาะดอกไม้ อำเภอเกาะยาว กองหินอีแต๋น พื้นที่อุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า และกองหินริเซลิว อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ทช. เดินหน้ามาตรการประชาสัมพันธ์และการสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการกำกับและดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว อีกที้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดการท่องเที่ยวภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อีกด้วย