ใกล้ 14 กุมภาพันธ์แล้ว คนโสดทั้งหลายก็ได้ฤกษ์งามยามดีกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์ขอให้มีคู่ตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ และหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตคือ พระตรีมูรติหน้าห้างดัง แต่ความจริงแล้ว พบว่าเทวรูปดังกล่าวไม่ใช่ “พระตรีมูรติ” แต่คือ “พระศิวะ 5 เศียร ปางปัญจมุขี” หรือ “พระสทาศิวะ” เทพเจ้าผู้ขจัดโรคร้าย เพราะพระตรีมูรติ ในตำราหรือคำภีร์นั้น มีเพียง 3 เศียร
“ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีพิธีบวงสรวงองค์พระตรีมูรติ บริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ว่าจริง ๆ แล้ว เทวรูปองค์นั้นไม่ใช่พระตรีมูรติ แต่เป็นพระสทาศิวะ ดังนี้
1. จริงๆ แล้ว เทวรูปที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์นั้น เป็นรูป “พระสทาศิวะ” หรือ “พระสดาศิวะ” หรือ “พระศิวะปัญจมุขี” ที่เป็นปางมี 5 เศียร แต่มีการประชาสัมพันธ์กันจนทำให้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเป็น “พระตรีมูรติ”
- ในคัมภีร์ศิวะปุราณะ ได้เขียนเกี่ยวกับพระสทาศิวะไว้ว่า "เมื่อครั้งปฐมกัลป์ ในเวลานั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเลย ทุกหนแห่งอยู่ในความมืดมนอนธกาล พลันท่ามกลางความเงียบสงัดนั้นก็บังเกิดเสียงหนึ่งขึ้น เสียงนั้นเปล่งเป็นคำว่า โอม ดังก้องไปทั่ว และก็บังเกิดเป็นเทพองค์หนึ่ง นามว่า พระสดาศิวะ และในเวลานั้นเอง พระสดาศิวะก็ทรงเปล่งถ้อยคำว่า ตรีภูอัมภวะ ภูชัม ก็บังเกิดพระแม่ศักติศิวาขึ้นจากกลางพระหทัยของพระสดาศิวะ ทั้งสองพระองค์ต่างสนทนากัน และก็เริ่มวางแผนสร้างสรรค์จักรวาลในเวลาต่อมา..."
- พระสทาศิวะนั้น จะมี 5 เศียร มีดวงจันทร์อยู่บนพระเกษาบนสุด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ ในศิลปะแบบรัตนโกสินทร์นั้นจะให้มี 4 กร (ถ้าแบบอินเดียและขอม จะให้ตั้งแต่ 4 ถึง10 กร) โดยได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะสมัยอยุธยา ซึ่งก็รับมาจากศิลปะขอมอีกทอดหนึ่ง
- ส่วนพระตรีมูรติ จะมี 3 เศียร 6 กร และถือเทพอาวุธและคัมภีร์ โดยเป็นการรวมองค์มหาเทพทั้งสามของฮินดู คือ พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ ไว้ด้วยกัน
2. รูปพระสทาศิวะ ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ (แต่เรียกกันว่า พระตรีมูรติ) นี้ เดิมพบอยู่ที่วังเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้างในปัจจุบัน
- วังเพชรบูรณ์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสพระองค์ที่ 72 ในรัชกาลที่ 5 สร้างขึ้นจริงในสมัยรัชกาลที่ 6 หลังจากที่สมเด็จฯ เสด็จกลับจากการศึกษาในประเทศอังกฤษ
- ปี พ.ศ. 2525 พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช พระสวามีองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงเป็นเจ้าของวังเพชรบูรณ์ในขณะนั้น ได้ขายวังไปให้แก่ตระกูลเตชะไพบูลย์ ไปในราคา 25 ล้านบาท แล้วเสด็จไปอยู่ต่างประเทศจนทิวงคต
- ห้างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (ชื่อก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น เซ็นทรัลเวิลด์ ในปัจจุบัน) ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่วังเพ็ชรบูรณ์นั้น และเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ.2533 แต่ผลประกอบการไม่ดี มีอุปสรรค และมีคำเล่าลือเรื่องอาถรรพ์ ทำให้กลุ่มตระกูลเจ้าของห้าง ได้พยายามตามหารูปพระตรีมูรติองค์หนึ่ง ที่เชื่อกันว่าสร้างในสมัยพระนเรศวร และรัชกาลที่ 4 ทรงได้เคยนำรูปพระตรีมูรตินั้นมาประดิษฐานไว้ ก่อนจะสูญหายไป
- ว่ากันว่า กลุ่มตระกูลดังกล่าว สามารถควานหารูปพระตรีมูรติองค์ที่ว่า กลับมาจนได้ และได้ทำองค์เทวรูปจำลองประดิษฐานไว้ที่หน้าห้างของตน
- แต่มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง ทางเซ็นทรัลเวิลด์ ได้เชิญพระราชครูวามเทพมุนี มาประกอบพิธีโดยระบุว่าเป็นการย้ายองค์พระตรีมูรติ แต่ทางพระราชครูวามเทพมุนี ไม่ทำให้ เพราะองค์นี้ไม่ใช่พระตรีมูรติ แต่เป็นรูปพระสทาศิวะ
3. แล้วพระสทาศิวะ เกี่ยวข้องกับเรื่องความรักหรือไม่
- อาจารย์คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เคยเขียนบทความบอกว่า การบูชาพระสทาศิวะนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความรัก เพราะคนฮินดูจะเอาเรื่องความรักไปผูกไว้กับกามเทพ (แต่เป็นเชิงอุปมาอุปไมยในทางกวี)
- แถมพระศิวะนั้นเป็นศัตรูกับกามเทพด้วย เพราะกามเทพเคยมาพยายามทำให้พระองค์ตกหลุมรักพระแม่ปารวตี พระกามเทพจึงโดนไฟกรดจากเนตรที่สามของพระศิวะเผาจนเป็นจุณ พระศิวะจึงมีอีกพระนามว่า "ผู้เผากามเทพ"
- ส่วนชาวบ้านอินเดีย เวลาจะขอพรเรื่องคู่ครองนั้น เขาจะกราบไหว้ขอไปทั่ว ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเทพองค์ใด ถ้าคนๆ นั้นนับถือเทพองค์ไหน ก็จะไปขอพรกับองค์นั้น (ซึ่งมักจะนิยมเข้าหาเจ้าแม่ทั้งหลาย)
4. สำหรับเทวรูป "พระตรีมูรติ" ที่ถูกต้องตามเทวลักษณะ จะมีประดิษฐานอยู่ที่ศาลพระตรีมูรติ ข้างๆ ตึก EMPIRE TOWER (หรือ EM SPACE) ซึ่งสามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีช่องนนทรี แล้วเดินไปหน่อยครับ
- แถมด้วยความเชื่อสายมู จากเพจ #เจ้าหญิงสายมู ว่า ท่านที่เชื่อเรื่องทำนองนี้ก็ให้ขอพรได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องความรัก เนื่องจากพระตรีมูรติเป็นการรวมกันของพระพรหม พระนารายณ์ และพระศิวะ
- สามารถสักการะได้ทุกวัน ไม่ต้องเน้นฤกษ์เน้นยาม โดยให้สวดมนต์ "โอม ตัสสัต โอม ตัสสัต โอม ตัสสัต โอม สิทธิคเณศะ โอม พรหมา วิษณุ มเหศวาระ นะมะประสิทธิ ชัยยะ ลาภะ ฤทธิ สุวัตติ สวาหะ" พร้อมเครื่องสักการะ ดอกไม้ พวงมาลัย ขนมนมเนยต่างๆ แต่ห้ามถวายเนื้อสัตว์และไข่
นอกจากนี้เฟซบุ๊ก Guythip Saraswatimonthon ก็ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเทวรูปองค์นี้ไว้เช่นเดียวกัน ว่า
อย่างแรก
#นี่ไม่ใช่พระตรีมูรติครับ แต่คือพระสทาศิวะ เรื่องนี้เราควรจบได้เเล้วครับ ปราชญ์ทุกสาย นักเทววิทยาทุกท่าน สรุปตรงกันนานมากแล้วครับ ว่านี่คือพระสทาศิวะ
คำตอบสอง
#ในทางเทวศาสตร์ ก็ไม่มีใครไปขอพรความรักกับพระตรีมูรติ หรือพระสทาศิวะครับ เพราะไม่ตรงกับเทวานุภาพท่านซะทีเดียว ถามว่าขอได้ไหมก็ไม่ผิด แต่ ... ไปเรียกท่านพระตรีๆ แต่ท่านไม่ใช่พระตรีมูรติไง เอ้า งงในงง ซับซ้อนในซับซ้อนไหมครับ (กรณีที่คนไปไหว้แล้วสำเร็จ เป็นเพราะวาสนาเดิมเค้าครับ คือมีคนไปไหว้แล้วได้นะ ไม่ใช่ไม่มี)
คำตอบสาม
เทวรูปนี้ #ไม่สมบูรณ์ครับ พระหัตถ์มุทรา สองพระหัตถ์หลัง เดิมทรงตรีและจักร แต่เนื่องจากองค์ต้นแบบ เป็นงานไม้แบบถอดได้ ของจริงเลยสูญหาย พอมีการสร้างใหม่ เลยจำลองการสร้างแบบขาดเทพอาวุธครับ
คำตอบสี่
โดยหลักการ สามารถไหว้ขอพรได้ครับ ผมเองก็นับถือท่าน ผ่านไปก็กราบบูชาตลอด แต่เนื่องจากเทวรูปไม่สมบูรณ์แต่ต้น เรียกพระนามผิด ลักษณะทางเทววิทยาผิด แล้วไม่รู้ว่าสถาปนาอย่างไร เทวรูปก็จะแผ่พลังงานได้ไม่เต็มที่ครับ ถ้าอยากขอพรเรื่องความรัก ที่ระบุตามตำราเทววิทยา หาไหว้ไม่ยากเลยครับ พระลักษมี - นารายณ์ หรือ พระกฤษณะ - พระแม่ราธา ที่วัดวิษณุ และวัดเทพมณเฑียร หรือ เดินอีกนิด ฝั่งตรงข้าม มีเทวาลัยพระลักษมี ที่ห้างเกสร นี่ก็โอเคมากๆแล้ว หรือ พระลักษมี เซนลาด นี่ก็โคตร Work ครับ
ส่วนเทวรูปลักษณะนี้ ถ้าไม่ชัวร์ที่มา ผมไม่แนะนำให้บูชาครับ เป็นธรณีสารอย่างหนึ่ง แม้จะมีพิธีอย่างถูกต้อง แต่เมื่อผิดแต่ต้น มันจะถูกที่ปลายได้อย่างไร เพราะเมื่อเสกผิด เชิญผิด สถาปนาผิด เทวรูปก็ไม่สมบูรณ์
สรุป ส่วนจะไหว้ขอคู่ที่นี่ / ไหว้ได้ครับ
หลายคนอาจได้ผลด้วยตามแต่กรรมเก่าวาสนาเดิมและแรงอธิษฐานศรัทธา แต่แนะนำสถานที่ที่บอกไปจะดีกว่า ตรงจุด และสำเร็จเช่นกัน ด้วยเหตุผลหลายๆข้อข้างต้น