นาย ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดแผนการดำเนินงาน depa ประจำปี 2565 ว่า สิ่งที่จะผลักดันคือ บัญชีบริการดิจิทัล (Government Procurement) โดยดีป้าจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล(Government Procurement) คือ บัญชีรายการบริการดิจิทัลที่ให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงผู้รับบริการหรือผู้บริโภค และตอบสนองต่อวิถีการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล รายการในบัญชีบริการดิจิทัลเกิดจากการพัฒนาของผู้ประกอบการไทยที่มีมาตรฐาน (CMMI, dSURE) คุณภาพ และราคากลาง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้หน่วยงานภาครัฐสามารถเลือกประยุกต์ใช้บริการดิจิทัล ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความโปร่งใสตาม พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อลดปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการถือครองครุภัณฑ์ที่ต้องมีการตั้งงบประมาณบำรุงรักษารายปีตลอดจนต้องมีการตั้งงบจัดจ้างเพื่อปรับปรุงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัย ใช้งานได้ ช่วยให้ภาคเอกชน และประชาชนสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ แสดงคุณสมบัติ และราคาชัดเจน เพื่อประกันมิให้ถูกหลอกลวงให้ซื้อเทคโนโลยีที่ไม่ได้มาตรฐาน ราคาสูงเกินจริง อีกทั้งช่วยดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยที่มีศักยภาพ มีมาตรฐานสามารถเข้าสู่ตลาดภาครัฐได้สะดวกขึ้น โดยเอกชนสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ ก่อนนำใบเสร็จมายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 200% ซึ่งคาดหวังว่าจะมีรายการผลิตภัณฑ์/บริการดิจิทัลให้บริการกว่า 500 รายการ ภายในปีงบประมาณ 2565 และจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาทภายในปีแรกที่ให้บริการ
ปัจจุบัน บัญชีบริการดิจิทัลผ่านคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานแล้ว โดยคาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาฯ ได้ในเดือนมกราคม 2565 และเนื่องจากเป็นการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง อาจใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งประเมินว่า ภาครัฐจะสามารถใช้บัญชีบริการดิจิทัลได้ในต้นปีงบประมาณ2566 แต่ภาคเอกชน หรือประชาชนสามารถใช้บริการบัญชีดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม Tech Hunt ได้ภายในเดือนมกราคม2565
นอกจากนี้ในส่วนของ Big Data จะจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลในเรื่องของ Big Data Analytic Service เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านข้อมูล ทั้งหน่วยงานรัฐเอกชน เกิดการพัฒนาบุคลากรด้าน Data และทำให้เกิดการนำข้อมูลภาครัฐมาใช้ในการทำงานภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คณะกรรมการดีอี) เห็นชอบในหลักการแล้ว
ถัดมาเป็นโครงการ dVENTURE (Co-investment)
กระตุ้นให้ Venture Capital (VC) ลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพมากขึ้น อีกทั้งส่งผลให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนเรื่อง Smart city โครงการ Smart City Ambassadors ขยายผล โครงการยุวทูตน้อยในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ(Smart City Ambassador Program) เพิ่มจำนวน 150 คน ใน 150 พื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนโครงการเมืองอัจฉริยะ ในบทบาทที่ปรึกษาของพื้นที่ที่จะช่วยสร้างความเข้าใจเรื่องดิจิทัลโซลูชันให้กับหน่วยงานและประชาชนในท้องถิ่น
นอกจากนี้ จะพัฒนา ร้านสะดวกซื้อบริการดิจิทัล
เปิดร้านสะดวกซื้อบริการดิจิทัล ในชื่อ d-station โดยมีคนรุ่นใหม่มาทำหน้าที่เป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ให้เครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ (Sales Agent) ในพื้นที่ 8 จังหวัดนำร่อง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาชีพใหม่ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุน
โครงการพัฒนา National Delivery Platform
depa ร่วมกับ บริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จำกัด ดำเนินโครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม National Delivery เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการในยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ในชื่อ eatsHUB ด้วยค่าส่วนแบ่งรายได้ในอัตรา 8% เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแพลตฟอร์มรับส่งสินค้า/อาหารสัญชาติไทย ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการร้าน สามารถสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเป็นของตนเอง และช่วยสร้างอาชีพให้ผู้ว่างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ อีกทั้งเป็นการสร้างอำนาจต่อรองให้ผู้ประกอบการไทย ลดการเอารัดเอาเปรียบ เช่น การถูกเรียกเก็บค่าส่วนแบ่งรายได้ในอัตราที่สูงเกินควร ฯลฯ ซึ่ง
ขณะนี้ eatsHUB ได้รับการพัฒนาแล้วเสร็จ โดยมีร้านค้าร่วมเป็นสมาชิกกับแพลตฟอร์มแล้วกว่า 8,000 ร้านค้า และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิษณุโลก นครศรีธรรมราช เพชรบุรี สุราษฎร์ธานีภูเก็ต สงขลา ชลบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม และพระนครศรีอยุธยา ช่วงเดือนมกราคม 2565