ได้ยินชื่อ อุบากอง ในซีรีส์ เรื่องหนึ่ง ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคนโบราณอาจจะมีชื่อเหมือนกันบ้าง เหมือน สมชาย สมบัติฯลฯ แต่พอ เห็นแบคกราวน์ของ อุบากอง ชักน่าสงสัยว่าใช่คนเดียวกันหรือไม่กับอุบากอง ที่เคยอ่านเจอ เมื่อดูเนื้อเรื่องต่อมา จึงคิดเองว่าน่าจะใช่ อุบากอง คนเดียวกับที่มาของตำราอุบากอง ตำราดูฤกษ์ยาม ที่คนสมัยก่อน โดยเฉพาะไทย พม่า มอญ นำมาเป็นแนวทางในการวางแผน กำหนดเวลา ทำการต่างๆ ตั้งแต่การเดินทาง การเจรจาการประกอบการสำคัญ แม้แต่การเคลื่อนทัพ ก็ใช้ยามอุบากองได้ ในตอนนี้ไม่ได้มาสอนวิธีการดูฤกษ์ แค่ต้องการแนะนำให้รู้จัก คนที่มีลมหายใจ เป็น นักยุทธศาสตร์ ชั้นดี ที่ใช้โหราศาสตร์มาช่วยในการทำงานให้บรรลุวัตถุประสงค์
อุบากองมีตัวตนจริงใช่ไหม ? .... อุบากอง มีตัวตนจริงๆ จากหนังสือ ลำดับสกุลคชเสนี เล่าถึงการส่งหนังสือ ระหว่าง อุบากอง ไปให้ เจ้าพระยามหาโยธารามัญญาธิบดี ระบุว่า ข้าพเจ้าอุบากองผู้หลานให้มาถึงลุงท่าน เจ้าพระยามหาโยธารามัญญาธิบดี ศรีพิชัยรณรงค์ .... แสดงว่า อุบากอง มีเชื้อสายมอญ อุบากอง อาจเป็นหลาน เจ้าพระยามหาโยธารามัญธิบดี ในหนังสือตอบกลับได้ ตอบข้อสงสัยและอธิบายตัวตนของ อุบากอง ไว้ใกล้กับในซีรีส์ โดยตอบไว้ตอนหนึ่งว่า จดหมายผู้หลานเรา มาถึงเรานั้นได้แจ้งทุกประการแล้ว เจ้าผู้หลานเราก็เป็นลูกไทย แต่หากว่าพลัดไปอยู่เมืองพม่าแต่เล็กเจ้าอังวะไม่รู้ ก็ตั้งเจ้าเป็นขุนนาง ให้เป็นนายทัพนายกองยกมาตีเมืองเชียงใหม่ด้วยอินแซะหวุ่น จากข้อความนี้บอกเราว่า อุบากอง เป็น ลูกไทย พลัดถิ่นไปอยู่อังวะ อุบากองได้รับการอบรมเลี้ยงดูและคงจะมีฝีมือพอควรจึงได้เป็นขุนนาง เป็นนายกอง และมากับกองทัพพม่าที่มาตีเชียงใหม่ (สมัยประเจ้าปดุง ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงารัตนโกสินทร์)
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระวินิจฉัย ถึงอุบากองว่า อุบากองคนนี้ดูเหมือนเป็นไทย เราเคยรู้จักชื่อกันโดยมากด้วยเหตุเป็นผู้นำตำรายันต์ยาตรา ซึ่งเรียกว่า ยันต์อุบากอง มาสอนไว้ และยังมีคนเชื่อถืออยู่ไม่น้อย เรื่องประวัติของอุบากองทราบกันมาแต่ก่อนว่า เป็นนายทัพพม่าคนหนึ่ง ซึ่งไทยจับได้จำไว้ในคุก ในเวลาที่ติดคุกนั้นอุบากองได้สอนตำรายันต์ยาตราให้แก่เพื่อนนักโทษ ต่อมาอุบากองสามารถหนีออกจากคุกกลับไปบ้านเมืองไทย คนจึงนับถือยันต์อุบากองกันแพร่หลาย อุบากอง เกิดที่เมืองไทย มีแม่เป็นไทย ทั้งแม่และพี่น้องอยู่ที่เมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ 1 ชะรอยพ่อเป็นมอญ จึงเข้ากับเจ้าพระยามหาโยธาได้สนิท .... พ่อถูกพม่าเอาไปเป็นเชลย อุบากองติดพ่อไป ไปเติบใหญ่ได้รับการอบรมในเมืองพม่าเปลี่ยนชื่อเป็นพม่าและรับราชการ เห็นจะเป็นคนฉลาดมีความสามารถ จึงถึงมียศเป็นนายกอง ... อุบากองหนีออกมาได้แล้วก็กลับไปรับราชการที่พม่าในภายหลัง ... ข้อความนี้ตอกย้ำความเป็นลูกไทยพ่อมอญ แม่ไทย ไปโตพม่า เชี่ยวชาญการรบเป็นทหาร มีตำแหน่งระดับนายกองรอบรู้เรื่องโหราศาสตร์ รู้ตำรายันต์ ในการดูฤกษ์ยาม โดนจับติดคุกแล้วสอนตำราในคุกให้เพื่อน ต่อมาอุบากองหนีออกมาได้
ยามอุบากอง จึงเป็นเรื่องของฤกษ์ยามที่ใช้ข้อมูลทางสถิติที่บันทึกไว้เอามาใช้ในการกำหนดเวลาที่เหมาะสมเวลาจะทำการอะไรในตำราที่เขียนไว้บอกว่า ยามอุบากอง ใช้สำหรับจะเดินทางไปทำกิจธุระ เช่น ไปหาลาภ ไปเจรจางาน ไปหาคนที่เราต้องการพบ (ไม่รู้ให้เลือกเวลาไปจีบสาวด้วยหรือเปล่า )ในตำราจะมีตารางกำหนดช่วงเวลาหรือยาม และบอกวิธีนับตาราง เช่น ถ้าวันที่ต้องการดูเป็นวันข้างขึ้นให้นับลง ถ้า เป็นวันข้างแรมให้นับขึ้น ข้างขึ้นนับลงตั้งแต่เลขหนึ่งไปหาเลขห้า ข้างแรมนับขึ้นตั้งแต่เลขห้าไปหาเลขหนึ่ง นับตามข้างขึ้นแรมกลับไปมา (ตาม) ตารางที่ยกตัวอย่างนี้
ตำราฤกษ์ยามอุบากองแพร่หลาย มีคนใช้เป็นประโยชน์มายาวนานหลังๆ บางคนเอามาทำเป็นเครื่องราง ใช้สำหรับการนับฤกษ์ยาม ปัจจุบันยามอุบากอง อาจไม่ได้รับความนิยมเพราะการจะทำอะไรแล้วต้องมานั่งนับตารางคงไม่เหมาะกับโลกยุคปัจจุบัน ถามว่า วิธีการของยามอุบากอง ยังใช้ได้ไหม ยังใช้ได้ ใช้ได้ดีด้วย หากใช้เป็นย่อมจะเอาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการทำธุรกิจการงานได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องความเชื่อและสถิติทางโหราศาสตร์ ที่เป็นภูมิปัญญาเก่าการที่คนเรา จะมีความสำเร็จในกิจการการงาน คงต้องประกอบด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและความขยันหมั่นเพียรในการงานนั้นเป็นสำคัญ หาใช่จะคำนึงแต่เรื่องฤกษ์ยามอย่างเดียวไม่