X
เที่ยวตามรอยลิซ่า

เที่ยวตามรอยลิซ่า

7 มิ.ย. 2566
1090 views
ขนาดตัวอักษร
เที่ยวตามรอยลิซ่า Blackpink

กลายเป็นกระแส “ผ้าซิ่นฟีเวอร์” ที่แรงแบบฉุดไม่อยู่ในโลกโซเชียล หลังศิลปินสาวชาวไทย น้องลิซ่า วง Blackpink โพสต์ Instagram ส่วนตัว เป็นภาพขณะเที่ยวชมโบราณสถานเมืองเก่าอยุธยา พร้อมแคปชั่น “Ayutthaya 🇹🇭”

โดยมีไฮไลท์คือ การแต่งกายด้วยชุดไทยประยุกต์เสื้อผ้าฝ้ายแขนตุ๊กตากับผ้าซิ่นสีน้ำเงินลายขาว ซึ่งเป็นผ้าฝ้ายมัดหมี่หมักโคลนย้อมครามหมักโคลน ลายขอนาค ลายโบราณเอกลักษณ์ของชาวอีสาน และเป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านขึ้นชื่อของจังหวัดอุดรธานี ถือเป็นต้นแบบของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ Soft Power ด้านวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่านเครื่องแต่งกายได้เป็นอย่างดี

หากใครสนใจ “เที่ยวตามรอย” น้องลิซ่า สามารถปักหมุดเตรียมเช็กอินวัดโบราณ 3 แห่ง ได้แก่ วัดหน้าพระเมรุ วัดมหาธาตุ และวัดแม่นางปลื้ม

  • วัดหน้าพระเมรุ

อยู่ริมคลองสระบัว ด้านทิศเหนือของคูเมือง (เดิมเป็นแม่น้ำลพบุรี) ตรงข้ามพระราชวังหลวง สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พ.ศ. 2046 ตามประวัติศาสตร์ว่า "พระองค์อินทร์ (พระบรมวงศานุวงศ์ท่านหนึ่ง) ในรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ได้ทรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง จึงได้ขอพระบรมราชานุญาตจากพระเจ้าแผ่นดินขอสร้างวัดนี้ขึ้นในปี พ.ศ. 2046” เมื่อครั้งทําศึกกับพระเจ้าบุเรงนอง สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ได้มีการขอทําสัญญาด้วยการเจรจาแบบสันติวิธีเพื่อสงบศึก โปรดให้สร้างพลับพลาที่ประทับขนาดใหญ่ขึ้นในบริเวณด้านข้างวัดหน้าพระเมรุจนถึงบริเวณวัดหัสดาวาส และเมื่อครั้งศึกใหญ่ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพม่า ในปี พ.ศ. 2310 วัดนี้ถูกเลือกเป็นชัยภูมิของทัพหลวงกรุงอังวะ เมื่อเสร็จศึกกรุงศรีอยุธยาพ่ายสงคราม พระเจ้ากรุงอังวะโปรดให้ละเว้นวัดนี้ไว้ ไม่เผาทําลาย ปัจจุบันยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่สุดในพระนครศรีอยุธยา พระอุโบสถมีความยาว 50 เมตร กว้าง 16 เมตร สถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนต้น สังเกตได้จากเสาต่าง ๆ ภายในพระอุโบสถ ต่อมาสร้างขยายออกโดยเพิ่มเสารับชายคาภายนอกในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หน้าบันเป็นไม้สัก แกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ เหยียบเศียรนาค และมีรูปราหูสองข้างติดกับเศียรนาค หน้าต่างเจาะเป็นช่องยาวตามแนวตั้ง เสาเหลี่ยมสองแถว แถวละแปดต้น บัวหัวเสาเป็นบัวโถแบบอยุธยา พระประธานในอุโบสถสร้างปลายสมัยอยุธยา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช นามว่าพระพุทธ นิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง สมัยอยุธยาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และมีความสมบูรณ์งดงามมาก สูงประมาณ 6 เมตร หน้าตักกว้าง 4.40 เมตร เปิดให้เข้าชม เวลา 08.30-17.30 น. ค่าเข้าชม เฉพาะชาวต่างชาติ 20 บาท

  • วัดมหาธาตุ

ตั้งอยู่เชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดเมื่อ พ.ศ. 1927 อยู่ตรงเชิงสะพานป่าถ่าน ทางทิศตะวันออกของวัดพระศรีสรรเพชญ์ พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 ต่อมาสมเด็จพระราเมศวรโปรดให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัด เมื่อปี พ.ศ. 1927 พระปรางค์วัดมหาธาตุถือเป็นปรางค์ที่สร้างในระยะแรกของสมัยอยุธยา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปรางค์ยอม ชั้นล่างก่อสร้างด้วยศิลาแลง มีส่วนเสริมใหม่ ตอนบนก่ออิฐถือปูน สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์ โดยเสริมให้สูงกว่าเดิม ต่อมายอดพังลงมาเหลือเพียงชั้นมุขเท่านั้น มีหลักฐานว่าเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ และก่อสร้างอย่างวิจิตรสวยงามมาก เมื่อปี พ.ศ. 2499 กรมศิลปากรขุดแต่งพระปรางค์แห่งนี้ พบของโบราณหลายชิ้นที่สําคัญคือผอบศิลา ภายในมีสถูปซ้อนกัน 7 ชั้น แบ่งเป็น ชิน เงิน นาค ไม้ดํา ไม้จันทน์แดง แก้วโกเมน และทองคํา ชั้นในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องประดับอันมีค่า ปัจจุบันพระบรมสารีริกธาตุได้รับการนําไปประดิษฐานไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา สิ่งที่น่าสนใจในวัดอีกอย่าง คือเศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งมีรากไม้ปกคลุมเศียรพระพุทธรูปนี้หล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุม มีความงดงามแปลกตาไปอีกแบบ จําหน่ายบัตรเข้าชม เวลา 08.00-17.00 น. (เปิดให้ชมได้ถึงเวลา 18.00 น.) ค่าเข้าชม นักท่องเที่ยวทั่วไป 10 บาท นักเรียน นักศึกษา เข้าชมฟรี สอบถามข้อมูล สํานักงานอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โทร. 0 3524 2286

  • วัดแม่นางปลื้ม

สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 1920 บริเวณที่ตั้งวัดเคยเป็นที่ตั้งค่ายของพม่า ซึ่งยกมาล้อมกรุงศรีอยุธยาหลายครั้งวัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่บริเวณคลองเมือง ตรงข้ามหัวรอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา วัดแม่นางปลื้มเปี่ยมด้วยตำนาน และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา อีกทั้งยังงดงามด้วยโบราณสถานที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ตำนานการสร้างวัดมีหลายความเชื่อ บ้างก็ว่าวัดนี้มีมาก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยา บ้างก็ว่าวัดนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีตำนานเล่าว่า ที่ดินตรงนี้เคยเป็นเรือนของแม่ปลื้ม แม่ปลื้มอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีลูกหลาน วันหนึ่งพระนเรศวรพายเรือมาแต่พระองค์เดียวแล้วเจอพายุฝนซัดกระหน่ำ เมื่อทอดพระเนตรเห็นเรือนหลังนี้ยังสว่างด้วยแสงไฟตะเกียงจึงเสด็จขึ้นท่า ขอเสวยน้ำจันทน์และพักค้างแรม แม้แม่ปลื้มจะไม่รู้ถึงชาติกำเนิดของชายผู้นี้ ก็ยังต้อนรับขับสู้อย่างดี อีกทั้งยังกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินด้วยความจงรักภักดี พระนเรศวรทรงพอพระทัยมาก พอรุ่งสางก็เสด็จกลับพระราชวังหลวง จากนั้นไม่นานก็จัดขบวนมารับแม่นางปลื้มไปเลี้ยงอาหารในวัง เพื่อตอบแทนความเมตตาและหัวใจอันภักดี เมื่อแม่ปลื้มเสียชีวิต สมเด็จพระนเรศวรก็จัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ พร้อมสร้างวัดพระราชทาน ชื่อว่า วัดแม่นางปลื้ม ช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา วัดแม่นางปลื้มเป็นฐานที่พม่ายิงปืนใหญ่เข้าไปในกำแพงพระนคร ด้วยเหตุนี้วัดจึงมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่ถูกเผาทำลายเช่นวัดอื่น ๆ ในเกาะเมือง นักท่องเที่ยวสามารถชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาภายในวัด อันได้แก่ พระวิหารเก่าแก่ ภายในประดิษฐาน "หลวงพ่อขาว" พระประธานองค์สีขาวบริสุทธิ์ ศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น เจดีย์ทรงกลมฐานสิงห์ล้อม ศิลปะสมัยอยุธยาที่ได้รับอิทธิพลศิลปะเขมร พร้อมชมพระอุโบสถหลังใหม่ หน้าบันประดับด้วยปูนปั้นลวดลายวิจิตร และเข้าไปนมัสการพระพุทธรูป และถวายสังฆทาน

ขอบคุณที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)