Apple Watch แจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ไม่ใช่แค่ติดตามการนอน แต่ Apple Watch ตรวจจับ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โดยใช้เซนเซอร์จับการหายใจ + AI วิเคราะห์ทุก 30 วัน ถ้ามีความเสี่ยงปานกลางถึงรุนแรง ระบบจะแจ้งเตือนให้ไปปรึกษาแพทย์ ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลย้อนหลังรายเดือน–รายปี พร้อม ส่งออกไฟล์ PDFไปให้หมอได้เลย ช่วยให้รู้ว่าทำไมนอนเยอะแต่ยังง่วง ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนบนอุปกรณ์ เพื่อนำข้อมูลไปปรึกษาแพทย์เพื่อทำการทดสอบการนอนหลับ (Sleep Test) และรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
การแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ" (Sleep Apnea Detection) จะใช้ เซ็นเซอร์วัดความเร่ง (Accelerometer) ที่มีอยู่ใน Apple Watch เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ บริเวณข้อมือ ซึ่งสัมพันธ์กับการหายใจที่ผิดปกติหรือหยุดชะงักระหว่างการนอนหลับ
Apple Watch รุ่นที่รองรับการแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะหลับคือ Apple Watch รุ่นที่ 9 รุ่นที่ 10 รวมถึง Apple Watch Ultra 2 ที่ทำงานบน watchOS 11 หรือใหม่กว่าเท่านั้น
ผู้ใช้งานสามารถเปิดการแจ้งเตือนนี้ได้ผ่านแอป สุขภาพ (Health) บน iPhone ไปที่แท็บ เลือกหา (Browse) จากนั้นเลือก ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory) ในหัวข้อ การแจ้งเตือนภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep Apnea Notifications) แล้วแตะ ตั้งค่า (Set Up) ก่อนทำตามคำแนะนำเพื่อตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์
AirPods Pro 2 หูฟังที่เป็นได้มากกว่าหูฟัง เทสต์การได้ยินเองที่บ้าน ใช้เวลาแค่ 5 นาที! ตรวจการได้ยินแบบคลินิกผ่าน iPhone + AirPods ได้ผลลัพธ์เป็นกราฟเสียง พร้อมคำแนะนำ ข้อมูลเก็บในแอปสุขภาพ ปลอดภัย แชร์ให้หมอดูต่อได้เลย
แปลงเป็น “เครื่องช่วยฟัง” ถ้าคุณมีภาวะสูญเสียการได้ยินระดับเล็กน้อย–กลาง AirPods Pro 2 จะช่วยขยายเสียงรอบตัวแบบเรียลไทม์ เสียงพูด เพลง หนัง เกม ทุกอย่างจะ ชัด ขึ้นตามโปรไฟล์เสียงเฉพาะ
ช่วยลดเสียงดัง ใช้ AI ตัดเสียงรบกวนได้ไม่ว่าจะคอนเสิร์ต รถไฟใต้ดิน หรือเชียร์บอล เสียงยังคงชัด แต่ไม่บาดหู
AirPods Pro 2 ทาง FDA ได้รับรองให้เป็นเครื่องช่วยฟังสำหรับผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง พร้อมกับเปิดความสามารถในการทดสอบการได้ยิน (Hearing Test) ผู้ใช้ AirPods Pro 2 สามารถ ทดสอบการได้ยินเบื้องต้น ผ่านแอปบน iPhone ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 นาทีในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาการได้ยิน ยังสามารถปรับตั้งค่าให้ AirPods Pro 2 กลายเป็นอุปกรณ์ช่วยฟังระดับคลินิกได้ เพียงนำผลการตรวจการได้ยินจากบุคลากรทางการแพทย์มาใส่เพื่อปรับเสียงให้ตรงกับความสามารถในการได้ยิน
ส่วนผู้ใช้ สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่าง การปกป้องการได้ยิน ในกรณีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดัง อย่างในสถานที่แข่งขันกีฬาหรือคลาสฟิตเนส ผู้ใช้สามารถใช้ AirPods เพื่อช่วยลดการได้ยินเสียงดังรอบตัวได้