นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด กล่าวถึง สถานการณ์ธุรกิจไอที ว่า
หากพูดถึงสถานการณ์ตลาดไอทีครึ่งปีหลัง การล็อคดาวน์ในขณะนี้จะคล้ายกับกับช่วงเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปี 2020 ซึ่งแอดไวซ์มีความเห็นว่าการรับมือไม่แตกต่างกันมาก เนื่องจากเรามีประสบการณ์จากครั้งแรกและเราทำงานได้เร็วขึ้น แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกนี้ ซึ่งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
“ การล็อกดาวน์เป็นการกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องทำงานที่บ้าน การเรียนออนลไน์ในทุกระดับ ส่งผลให้เกิดความต้องการอุปกรณ์ไอทีในการทำงาน เดิมมีการคาดการณ์ว่าสถานการณ์โควิดน่าจะดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว แต่กลับมีสถานการณ์กลับมาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส “
นายจักรกฤช กล่าวต่อว่า การควบคุมการแพร่ระบาดในปัจจุบัน มีหลายพื้นที่ได้รับผลจากการประกาศล็อคดาวน์ แอดไวซ์ได้รับผลกระทบบางส่วนในสาขาที่ตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้าหรือไอทีพลาซ่าต่างๆ แต่เมื่อเทียบจำนวนสาขาที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนสาขาทั้งหมดแล้วนับว่าเป็นเพียงแค่ 10% ของสาขาทั้งหมดเท่านั้นโดยสาขาที่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติมีจำนวนกว่า 300 สาขา ที่ส่วนใหญ่เป็นสแตนอโลน ซึ่งเราให้ความสำคัญในด้านการรักษาความสะอาดและการให้บริการอย่างถึงที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการทุกที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
“ ความต้องการอุปกรณ์ไอทีในปีนี้อาจจะไม่เท่ากับปีก่อนเพราะมีการซื้ออุปกรณ์ไปแล้วในปีที่ผ่านมาแต่เมื่อสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ความต้องการใช้งานอุปกรณ์ไอทีจึงยังมีอยู่ สินค้าไอทียังมีความจำเป็นที่ต้องซื้อไปใช้งาน แต่ในความจำเป็นยังถูกจำกัดโดยซับพลาย คือ ถ้าสินค้ามีกำลังการผลิตมาพอที่จะตอบสนองคามต้องการได้ ตลาดย่อมจะเติบโตต่อไปได้แน่สำหรับแอดไวท์เรายังโตอยู่ เป็นการโตกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ จากสถานการณ์ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาแอดไวท์คาดว่าน่ามีอัตราการเติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้สถานการณ์แบบนี้จะไม่ได้คงอยู่อีกนาน สำหรับธุรกิจไอที ปริมาณความต้องการยังคงมีอยู่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตที่หากตอบสนองผู้บริโภคได้ตลาดย่อมจะเติบโตได้ ”