ความเชื่อและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ อยู่คู่กับคนไทยมานาน ไม่ว่าสถานการณ์ในสังคมจะเป็นอย่างไร เกิดการระบาดของโควิดหรือไม่ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับศรัทธา หรือศาสตร์ต่างๆ ไม่เคยเลือนหายจางไป มีแต่พัฒนาในหลายรูปแบบมากขึ้นในยุคปัจจุบัน กล่าวถึงเครื่องรางของขลังก็มีมากมายหลากหลายประเภท ทั้งด้านมหาเสน่ห์ ใครเห็นใครก็รัก แคล้วคลาดปลอดภัย อยู่ยงคงกระพัน แต่ถ้าจะพูดถึงเครื่องรางที่เป็นสุดยอดพุทธคุณด้านมหาอำนาจคงจะหนีไม่พ้น เครื่องรางอาถรรพ์จาก 5 สุดยอดเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศไทย
1.เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย หรือวัดมงคลโคธาวาส คือ สุดยอดจักพรรดิ์แห่งเครื่องราง ในประเทศ ที่จัดอยู่ในชุดเบญจภาคีเครื่องราง “หลวงพ่อปาน” หรือ “พระครูพิพัฒน์นิโรธกิจ" เป็นชาวบางบ่อ ตำบลบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2368 มรณภาพเมื่อ วันที่ 29 สิงหาคม 2453 เสือของท่านดีทางมหาอำนาจ และคงกระพันยอดเยี่ยม หรือจะใช้ในทางเมตตามหานิยม ค้าขายของก็ดี ในปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จไปที่ประตูน้ำคลองด่าน ปรากฏเรื่องที่หลวงพ่อปานได้เอาชิ้นหมูเสียบกับไม้ แกว่งล่อเอาเสือที่ตกลงน้ำต่อหน้าพระพักตร์ หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าหลวง มีรับสั่งถามว่า “ที่แจกเครื่องรางเป็นรูปเสือมีความหมายอย่างไร?” หลวงพ่อปานทูลตอบว่า “ได้ไปรุกขมูลธุดงค์ในป่า พบเสือใหญ่หลายครั้ง ได้สังเกตดูเห็นว่า “เสือ” เป็นสัตว์ปราดเปรียว ฉลาด ว่องไว เฉียบขาด มีตบะ และอำนาจ สามารถที่จะใช้ตาสะกดสัตว์อื่นให้อยู่ในอำนาจได้ ในพระราชนิพนธ์เรื่อง “เสด็จประพาส มณฑลปราจิณ” ได้เล่าถึงหลวงพ่อปานความตอนหนึ่งว่า “คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือ ให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ …. เวลาแย่งชิงก็ขึ้นไปถึง 3 บาท ว่า 6 บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก”
2.ราชสีห์งาแกะ หลวงพ่อเดิม เป็นเครื่องรางของขลังยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งที่หาเล่นกันแพร่หลายเป็นอย่างมาก "ราชสีห์" หรือ "สิงห์" เป็นสัตว์ในวรรณคดีชาดก เป็นสัตว์ที่มีอำนาจเหนือสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง มีถิ่นกำเนิดและพำนักอยู่บนฟากฟ้าป่าหิมพานต์ นับว่าเป็นสุดยอดเครื่องรางของท่านที่โด่นเด่นเป็นเอกลักษณ์ พุทธคุณสิงห์ของหลวงพ่อเดิมนั้น เชื่อกันว่ามีอานุภาพครบครอบจักรวาล อาทิ ด้านมหาอำนาจ ด้านแคล้วคลาดปลอดภัย ด้านเมตตามหานิยม รวมทั้งการงานเจริญก้าวหน้าเลื่อนขั้น
3.หนุมานแกะหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน สุดยอดเครื่องราง ประเภทลิงหรือหนุมาน ที่บรรดานักสะสมต่างเชื่อมั่นในพุทธคุณ และทุก ๆ คนยกย่องให้เป็นอันดับ 1 ได้แก่ หนุมาน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน จังหวัดนนทบุรี หนุมานหลวงพ่อสุ่นจัดอยู่ในชุดเบญจภาคี เครื่องรางของขลังที่ใคร ๆ อยากเป็นเจ้าของ หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน เป็นชาวนนทบุรี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดศาลากุน ได้รับฉายาว่า “จันทโชติ” หลวงพ่อสุ่นได้จำพรรษาที่วัดศาลากุนมาโดยตลอด ภายหลังได้แต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาส หลวงพ่อสุ่นได้พัฒนาวัดศาลากุนจนเจริญรุ่งเรือง และได้ศึกษาวิชาอาคมจนแก่กล้า และเป็นที่ยอมรับของทุก ๆ คนหลวงพ่อสุ่นเริ่มคิดจะสร้างหนุมานสมัยที่ท่านยังเป็นพระลูกวัด ตอนนั้นท่านได้เริ่มปลูกต้นรัก และต้นพุดซ้อน ไว้บริเวณหน้ากุฏิ รดน้ำมนต์ทุกวันจนเติบใหญ่ ภายหลังหลวงพ่อสุ่นได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงได้เริ่มสร้างหนุมานโดยท่านได้เรียนวิชาสร้างหนุมานมาจาก “พระนาคทัศน์” จากนั้นท่านได้เริ่มทำพิธีบัตรพลีก่อนทำการขุด เมื่อท่านได้ขุดต้นรักและต้นพุดซ้อนแล้ว ท่านก็นำไม้ทั้งสองไปตากแห้งจนได้ที่แล้ว ท่านก็ให้พระลูกวัดไปตามช่างที่มีฝีมือทางด้านนี้มาแกะ (ว่ากันว่า ค่าแกะหนุมานราคาตัวละ 1 บาท) เมื่อแกะครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว จึงทำพิธีปลุกเสกโดยใช้คาถาหัวใจหนุมานและเพ่งกสิณไปในบาตรจนหนุมานที่อยู่ภายในบาตรกระโดดโลดเต้น หลวงพ่อสุ่นปลุกเสกหนุมานแบบนี้ทุก ๆ วัน จนครบ 3 เดือน จึงเป็นอันเสร็จพิธี แล้วค่อยแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ของท่าน และผู้ที่สนใจมาขอไว้บูชา

ขอบคุณรูปจาก วิทยา เสือปิดตา, ศาล มรดกไทย, Nitid Nonvaravech,