พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 NT มีผลดำเนินงานรวม 41,118 ล้านบาทจากธุรกิจโมบาย บรอดแบนด์ โครงสร้างพื้นฐาน และ บริการดิจิทัล โดยมีกำไรสุทธิ 4,110 ล้านบาท คาดสิ้นปีรายได้รวม 67,525 ล้านบาท และกำไรสุทธิเป็นไปตามแผนธุรกิจ ทั้งนี้โดยรวมดอกเบี้ยส่วนเพิ่ม อันสืบเนื่องจากรายการพิเศษค่าคดีความส่วนแบ่งผลประโยชน์ของ บจก. จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำนวน 5,128 ล้านบาท
NT มีกำไรครึ่งปีแรกสูงกว่าแผนธุรกิจเนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่าย ประกอบกับควบคุมปัจจัยภาพรวมการบริหารจัดการได้ดีโดยตัวเลข EBIT เพิ่มขึ้นขณะที่ค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าเสื่อมราคาลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564-2568 เป็นผลให้ NT ได้รับการพิจารณาให้ออกจากการกำกับและติดตามการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจหรือแผนฟื้นฟูกิจการ จากมติสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ NT ยังคงเน้นการดำเนินงานตามเป้าหมายอย่างเข้มข้นและเคร่งครัดภายใต้การกำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ตอบโจทย์แผนตามยุทธศาสตร์หลักในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย การสนับสนุนภารกิจภาครัฐ และการพัฒนาองค์กร
พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวอีกว่า หลังจากหมดอายุใบอนุญาตคลื่นความถี่ 850 MHZ,2300 MHz และ 2100 MHz ในเดือนสิงหาคม 2568 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างมากในการปรับทิศทางธุรกิจของ NT โดยเป้าหมายแรกคือการผลักดันรายได้สิ้นปีนี้ให้ทันตามแผนธุรกิจ มุ่งรักษาฐานรายได้เดิมของธุรกิจหลักคือ ธุรกิจโมบาย ซึ่งปัจจุบัน NT ได้โอนย้ายลูกค้าและให้บริการอย่างต่อเนื่องบนคลื่น 700 MHz พร้อมลดต้นทุนค่าโรมมิ่งโดยปรับแพคเกจเน้น 4G ซึ่งลูกค้าMY by NT สามารถใช้งานเพียงพอต่อการใช้งานทั้งการโทร และการใช้อินเทอร์เน็ต
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นเป้าหมายสำคัญที่เน้นผลักดันเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างรายได้จากพื้นที่เช่าในทำเลศักยภาพสูงทั้งในกรุงเทพและจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีลูกค้าสนใจทำสัญญาหลายพื้นที่ โดย NT ได้ปรับระเบียบขั้นตอนในการหาผู้เช่าและการอนุมัติอัตราค่าใช้บริการที่คล่องตัว พร้อมกับร่วมมือพันธมิตรในการช่วยหาผู้เช่าเพิ่มขึ้น ร่วมกับการใช้ระบบข้อมูลภายในสนับสนุนเพื่อเร่งกระบวนการทำงานเร็วขึ้น ทั้งนี้ NT ได้ปรับการใช้พื้นที่ในโซนอาคารสำนักงานแจ้งวัฒนะทำให้ได้พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นราว 10,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเพิ่มเป็นพื้นที่เช่าต่อไป
สำหรับโอกาสในธุรกิจใหม่ NT เน้นเดินหน้าความร่วมมือพันธมิตร Joint Venture ที่สร้างรายได้ใหม่โดยเน้นด้านดิจิทัลและบริการคลาวด์ รวมถึงธุรกิจดาวเทียม การพัฒนาธุรกิจบริการด้านระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ(LEO) เป็นหนึ่งในโอกาสสร้างรายได้ระยะยาวของ NT โดยปัจจุบัน NT ให้บริการเกตเวย์สำหรับเครือข่ายดาวเทียมของ Eutelsat One Web ที่สามารถเป็นต้นแบบความสำเร็จในการร่วมมือกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ เพื่อรองรับการใช้งานโดรนที่จะสามารถควบคุมด้วยระบบดาวเทียมในอนาคต
NT ยังมีแผนขยายตลาดในส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้นของบริการกลุ่มดิจิทัล,ดาต้าคอม,บรอดแบนด์, CCTV, SI และอสังหาริมทรัพย์ โดยผ่านทีมขายส่วนภูมิภาคทั่วประเทศและมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรเป็นหลัก บวกกับการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในทุกด้านซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มระดับกำไรสุทธิให้เข้าเป้าตามแผน
นอกเหนือจากการสร้างรายได้กลุ่มบริการใหม่ มุ่งเน้นรักษาฐานรายได้เดิม และขยายความร่วมมือพันธมิตรดังกล่าวแล้ว การดำเนินธุรกิจของ NT ในฐานะหน่วยงานโทรคมนาคมหลักของประเทศ ยังมุ่งขับเคลื่อนแนวคิดโครงการสำคัญที่เป็นโอกาสทางธุรกิจ พร้อมกับสามารถสนับสนุนภารกิจภาครัฐและยุทธศาสตร์ของประเทศ อาทิ เช่น
แนวทางการบูรณาการการใช้คลื่นความถี่ 850 MHZ ร่วมกับคลื่นความถี่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคลื่น Digital Trunk เพื่อประโยชน์ต่อประเทศในด้านความมั่นคง และรองรับการสื่อสารในภารกิจ/กรณีภัยพิบัติ โดยมั่นใจว่า NT ในฐานะโอเปอเรเตอร์ภาครัฐสามารถดำเนินการด้วยความพร้อมของอุปกรณ์โครงข่ายและบุคลากรทั่วประเทศ ซึ่งช่วยสนับสนุนภารกิจหน่วยงานรัฐ และหน่วยงานความมั่นคงได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านการป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ภัยพิบัติ ทั้งนี้ ยังต้องมีการรวบรวมข้อมูลความต้องการใช้งานที่ชัดเจนจากหน่วยงานภาครัฐและประเมินความคุ้มค่าต่อไป
การขับเคลื่อน ASEAN Digital Hub NT พร้อมที่จะสนับสนุนยุทธศาสตร์ประเทศในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้าน Connectivity ในภาพรวม บนแนวคิดการขยายศักยภาพและความพร้อมในการรองรับการลงทุนด้านดิจิทัลของ Hyper Scale จากต่างขาติให้เข้ามาใช้ได้ทันที ได้แก่ การเพิ่มเส้นทางเชื่อมโยงเคเบิลใต้น้ำและภาคพื้นดินอย่างพอเพียง โดยเฉพาะเส้นทางสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เส้นทางเชื่อมต่อฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย, และเส้นทางไทย-สิงคโปร์ รวมถึงการบาลานซ์ทราฟิกออกนอกประเทศ, การบาลานซ์ทราฟิกระหว่างบนพื้นดินและใต้น้ำ และการเป็น Neutral ศูนย์กลางควบคุมการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในอาเซียน ซึ่งจะส่งเสริมประเทศไทยด้านความมั่นคงและการเป็นผู้นำด้านสื่อโทรคมนาคมของภูมิภาคในอนาคต