เทวดาเล่นดิน หรือ เทวดาเดินดิน เป็นคำต่อท้าย เมื่อเรียกนามเถราจารย์ ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา สันโดษ และเรียบง่าย หลวงปู่สรวง คำว่าเทวดาเล่นดิน น่าจะมาจาก การที่ท่านนำดินเหนียวมาปั้นเป็นพระเครื่องมอบแด่ญาติโยม ส่วนเทวดาเดินดินน่าจะมาจากท่านเป็นผู้ธุดงค์เดินเท้า ไม่มีรถยนต์ประจำตำแหน่ง ไปไหนมาไหนด้วยการเดินเท้าจนญาติโยมชินตา
หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน เป็นพระสงฆ์เชื้อชาติกัมพูชา ท่านเดินทางมาอยู่ในประเทศไทย เพื่อปฏิบัติธรรมจนพุทธศาสนิกชนในประเทศไทยให้ความเคารพศรัทธา จังหวัดที่หลวงปู่สรวงเดินทางมาโปรดญาติโยมคือศรีสะเกษ สุรินทร์พื้นที่ใกล้กับเมืองกัมพูชา ชาวบ้านที่สุรินทร์ และศรีสะเกษ เรียกท่านว่า “ลูกเอาว์เบ๊าะ” หรือ ลูกตาเบ๊าะ” หมายถึง พระ ดาบสที่เป็นผู้รักษาศีลอยู่ตามถ้ำป่าเขาลำเนาไพร
เรื่องอุ้มไก่นั้นมีเหตุผล แท้จริงแล้วเป็นปริศนาธรรม หลวงปู่สรวง ท่านต้องการบอกให้รู้ว่าควรเป็นคนขยันทำมาหากิน ตื่นแต่เช้าเพื่อการทำงาน จะได้มี เจริญก้าวหน้าในชีวิตและครอบครัวต้องเป็นคนที่มีสัจจะทำอะไรก็ให้จริงพูดอะไรก็พูดแต่เรื่องจริงและตรงต่อเวลา
หลวงปู่สรวง เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิถีชีวิตอยู่อย่างสมถะ สันโดษ เรียบง่าย ชอบอยู่กับธรรมชาติในป่าพักอาศัยในกระท่อมเถียงนาที่ชาวบ้านสร้างไว้เฝ้านาและถวายให้ท่านจำวัด เป็นหลังเล็กๆ มีไม้กระดานเพียงไม่กี่แผ่น
แนวทางการสอนธรรมของหลวงปู่สรวง เป็นแนวปริศนาธรรม ปริศนาธรรมที่ท่านแสดงสามารถเทียบเคียงอุปมาอธิบายเพื่อสื่อความหมายของหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้เป็นประโยชน์แก่การอธิบายชี้แจงเนื้อความ ให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้นนั้นเอง
สิ่งหนึ่งที่ศิษย์จะเห็นคู่กับหลวงปู่คือ หลวงปู่จะก่อกองไฟไว้เสมอ เมื่อลูกศิษย์เอาของไปถวาย หลวงปู่จะโยนเข้ากองไฟ หรือไม่ก็มอบแด่ผู้ยากไร้
ไม่มีใครทราบประวัติหลวงปู่แน่ชัดว่าท่านเกิดที่ไหน หรือว่าอายุเท่าไร คนเฒ่าคนแก่บางคนบอกว่าเมื่อเป็นเด็กจำความได้ก็เห็นหลวงปู่แล้ว ท่านได้กรุณาเป็นที่พึ่ง อบรมสั่งสอนสานุศิษย์จนเมื่อ วันที่ 8 เดือนกันยายน พ.ศ. 2543 หลวงปู่มีอาการป่วยกำเริบหนัก และได้ละสังขาร จากไปด้วย ความสงบ
หลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพร พัฒนาในตอนที่ทราบว่าหลวงปู่ได้ละสังขารแล้ว และลูกศิษย์ทั้งหลายจะนำสังขารหลวงปู่ไปบำเพ็ญ กุศลที่วัดบ้านขยุง หลวงพ่อพุฒได้อธิษฐานว่า “สาธุ ถ้าหากหลวงปู่มีความ ประสงค์จะให้ลูกหลานได้เป็นผู้บำเพ็ญกุศลก็ขอให้หลวงปู่ได้กลับมาที่วัดด้วยเถิด” แล้วก็ได้นั่งรถตามไปที่บ้านของ แต่พอไปถึงที่บ้านโคกขาด พบว่ารถที่จะนำสังขารหลวงปู่ไปที่วัดบ้านขยุงได้จอดรออยู่ และได้บอกหลวงพ่อพุฒว่า ให้กลับไปที่วัดไพรพัฒนา พอมาถึงวัดไพรพัฒนาก็ได้เตรียมสถานที่ตั้งศพของหลวงปู่บนศาลา และได้ดำเนินการ บำเพ็ญกุศลให้กับหลวงปู่ แต่ด้วยความมหัศจรรย์สังขารของหลวงปู่สรวงไม่มีการเน่าเหม็น ด้วยเหตุนี้สังขารของ หลวงปู่สรวงจึงได้มาตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนาอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จนถึง ปัจจุบัน