8 ม.ค. 67 - “ฮายาโอะ มิยาซากิ” (Hayao Miyazaki) แห่ง สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) และตำนานผู้สร้างอนิเมชันชาวญี่ปุ่น ได้คว้ารางวัล ลูกโลกทองคำ (Golden Globe) เป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 82 ปีจากภาพยนตร์เรื่อง The Boy and the Heron หรือชื่อไทยเรื่อง เด็กชายกับนนกกระสา อีกทั้งยังเป็นการชนะรางวัลลูกโลกทองคำครั้งแรกสำหรับภาพยนตร์แอนิเมชันที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
The Boy and the Heron เล่าถึง มาฮิโตะ มากิ เด็กชายผู้ต้องสูญเสียแม่จากเหตุระเบิดที่โตเกียวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บังเอิญได้ไปค้นพบหอคอยร้างในเมืองชนบทที่เขาเพิ่งย้ายมาอยู่กับพ่อ ซึ่งเป็นเหมือน ‘ประตู’ ที่เชื่อมต่อเขาเข้ากับโลกแฟนตาซีสุดมหัศจรรย์ โดยมี ‘เจ้านกกระสา’ ร่างเทาที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้เป็นเพื่อนร่วมทาง ซึ่งบอกว่าเด็กชายอาจจะได้พบกับแม่ผู้ล่วงลับได้อีกครั้งในดินแดนแห่งนั้น มันสะท้อนถึงเรื่องราวชีวิตของมิยาซากิบางส่วน เช่นเดียวกับเด็กชาย ครอบครัวของเขาเองถูกอพยพไปยังชนบทในช่วงสงคราม มิยาซากิยังมีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับแม่ของเขาเอง ซึ่งว่ากันว่ามีอิทธิพลอย่างมากต่องานของเขาและตัวละครหญิงที่แข็งแกร่งในภาพยนตร์ของเขา
นับเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่ได้รับรางวัลใหญ่ของ มิยาซากิ โดยภาพยนตร์อนิเมชันอีกเรื่องของมิยาซากิ คือ เรื่อง Spirited Away ก็ได้รับรางวัลออสการ์ในประเภทภาพยนตร์อนิเมชัน ในปี 2001 แต่มิยาซากิไม่ยอมไปรับรางวัล โดยเขากล่าวว่า เขาไม่อยากไปเหยียบแผ่นดินของคนที่ทิ้งระเบิดอิรัก
โดยภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องนี้นับว่าเป็นการทิ้งทวน(อีกครั้ง) ของมิยาซากิ โดยเขาใช้เวลาเจ็ดปีในการผลิต เขากำกับและเขียนบทภาพยนตร์ต้นฉบับสำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ The Boy and the Heron ก็ยังได้รับคำชมอย่างล้นหลาม จากคนที่ได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ในโรงหนังมาแล้ว ว่ายังคงรักษามนต์เสน่ห์ของจิบลิเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และความลึกซึ้งของเนื้อหาก็ดูจะเทียบชั้นได้กับผลงานคลาสสิกของมิยาซากิอย่าง Spirited Away ที่เคยครองใจคนทั่วโลกเมื่อปี 2001 เลยทีเดียว และมันก็ยังเป็นหนังที่มีองค์ประกอบของ ‘ความเป็นเรื่องเล่าส่วนตัว’ ไม่ต่างไปจาก The Wind Rises หนังทิ้งทวนเรื่องก่อนหน้าของมิยาซากิ เมื่อปี 2013 โน่นเลย
เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายน The Boy and the Heron ยังขายตั๋วในบ้านเกิดได้มากกว่า 4.1 ล้านใบ และทำเงินไปได้กว่า 6.2 พันล้านเยน ซึ่งก็นับเป็นอนิเมะเรื่องแรกของจิบลิที่จัดฉายอย่างอลังการเช่นนี้ และทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศในหลายประเทศ โดยทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 136 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยโปรดิวเซอร์ของสตูดิโอโทชิโอะ ซูซูกิ กล่าวในสาร์นจากสตูดิโอในการได้รางวัลว่า "นี่เป็นลูกโลกทองคำครั้งแรกที่มอบให้กับภาพยนตร์ของสตูดิโอจิบลิ และมันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก ตั้งแต่ต้นปีนี้ ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและอุบัติเหตุที่น่าสลดใจหลายครั้ง... ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมหวังว่าข่าวการได้รับรางวัลสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม "
สำหรับมิยาซากิและสตูดิโอจิบลิมักสร้างภาพยนต์อนิเมชันที่ดูง่าย ๆ แต่แฝงไว้ด้วยปรัชญาที่ลึกล้ำ รวมทั้งมีภาพที่สวยงาม ผลงานอย่าง โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) ที่ฉายภาพชนบทของญี่ปุ่นในยุค 80 ที่สวยงามพร้อมกับตำนานเรื่องเล่าต่าง ๆ ของญี่ปุ่น สุสานหิ่งห้อย (Grave of the Fireflies) เรื่องของโศกนาฎกรรมของญี่ปุ่นยุคสงครามโลก ที่เรียกน้ำตาคนดูมาแล้วทั่วโลก มิติวิญญาณมหัศจรรย์ หรือ Spirited Away เรื่องราวของเด็กหญิงคนหนึ่งที่พลัดหลงกับครอบครัวไปในมิติอีกมิติหนึ่งที่เต็มไปด้วยโรงอาบน้ำ นับว่าเป็นนอนิเมชันที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาที่ตีความได้อย่างไม่รู้จบ พร้อมกับคว้ารางวัลออสการ์มาได้ โดยภาพยนต์อนิเมชันส่วนใหญ่ของสตูดิโอจิบลิ มักจะเกี่ยวพันกับส่วนหนึ่งของชีวิตของมิยาซากิ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และที่สำคัญภาพยนตร์อนิเมชันของจิบลิจะไม่มีการแก้ไขใด ๆ ในเวอร์ชันต่าง ๆ ที่ฉายทั่วโลก เพราะฉะนั้นอนิเมชันของจิบลิจึงเป็นต้นฉบับจากผู้กำกับโดยตรง โดยไม่มีการแก้ไขใด ๆ
สตูดิโอจิบลินับว่าเป็นสตูดิโออนิเมชันจากญี่ปุ่น ที่เทียบเท่าสตูดิโอใหญ่อย่างวอลล์ดิสนี่ ได้เลยทีเดียว แม้จะมีผลงานน้อยกว่าก็ตาม และสตูดิโอจิบลินับเป็น Pop Culture วัฒนธรรมร่วมของยุคสมัยปัจจุบัน
สำหรับ The Boy and the Heron เด็กชายกับนนกกระสา จะเข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 11 มกราคม นี้ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นภาพยนตร์ทิ้งทวนของมิยาซากิจริง ๆ หลังจากเขาประกาศทิ้งทวนมาแล้วหลายรอบ แต่ด้วยวัย 82 ปี พร้อมทั้งได้รางวัลลูกโลกทองคำอาจจะเป็นการทิ้งทวนที่สวยงามของเขาก็เป็นได้ ใครอยากชมภาพยนต์อนิเมชันรางวัลลูกโลกทองคำจากสตูดิโอจิบลิ โดยเฉพาะแฟนเดนตายของจิบลิ คงพลาดไม่ได้