X
รู้จักบล็อกเชน (Blockchain) เทคโนโลยีที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย

รู้จักบล็อกเชน (Blockchain) เทคโนโลยีที่มีทั้งข้อดี ข้อเสีย

14 พ.ย. 2566
5580 views
ขนาดตัวอักษร

14 พ.ย. 66 - บล็อกเชน (Blockchain) หนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงกันมาซักพัก ยิ่งในการแถลงข่าวเรื่องเงินดิจิตอลวอลเล็ตของนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ก็มีการกล่าวถึง เทคโนโลยีบล็อกเชน ด้วยเช่นกันว่ามาทำหน้าที่อยู่เบื้องหลัง อย่างสิ่งที่เรียกว่าบล็อกเชนมันคืออะไร ? และมีข้อดีข้อเสียอะไร?

บล็อกเชน (Blockchain)คือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลชนิดหนึ่ง แต่เป็นการเก็บข้อมูลแบบกระจายกัน และมีการตรวจเช็คกันตลอดเวลา อธิบายง่าย ๆ คือเทคโนโลยีที่มีการเก็บข้อมูลชิ้นหนึ่ง อาจจะเป็นประวัติของเรา แต่เป็นการเก็บข้อมูลชุดเดียวกันนี้กระจายข้อมูลไปอย่างน้อย 1,000 เครื่องโดยแต่ละเครื่องถือเป็นบล็อก (Block) โดยแต่ละเครื่องโยงใยกันโดยการเชื่อมข้อมูลอินเตอร์เน็ตเหมือนเส้นใยที่เรียกว่าเชน (Chain) และข้อมูลถ้าต้องการแก้ไขต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดทำการแก้ไขพร้อมกันเท่านั้น จึงจะมีการแก้ไขได้ และนอกจากนั้นตัวบล็อกแต่ละตัวหรือคอมพิวเตอร์แต่ละตัวยังมีการรีเช็คกันไปมาในแต่ละตัวว่าข้อมูลมีการแก้ไข หรือขาดตกบกพร่องอะไรไปหรือไม่ รวมทั้งข้อมูลเมื่อถูกเก็บไว้ในแต่ละบล็อคแล้วยังไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ บล็อกเชนจึงกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูงและแก้ไขได้ยากนั่นเองทำให้เทคโนโลยีนี้นำมาใช้ในวงการการเงินที่เราเรียกว่าหน่วยการเงินคริปโต (Cryptocurrency) อย่างเช่น Bitcoin , Ethereum นั่นเอง ที่อาศัยแพลทฟอร์มการเข้ารหัสและรักษาข้อมูลจากบล็อกเชนมาทำหน้าที่เก็บรักษาการเงินดิจิตอลเหล่านี้ รวมทั้งยังมีการนำเอาเทคโนโลยีมาทำด้านการเกษตร การทำเรื่องการขนส่งโลจิสติกส์ เพื่อลดการใช้ข้อมูลกระดาษและสามารถสืบค้นจากต้นตอของพืชหรือสินค้าได้ว่าส่งมาจากไหน หรือแม้กระทั่งการทำสัญญาที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางเพราะบล็อกเชนจะกลายเป็นตัวแทนที่ไม่ต้องมีสถาบันเช่นธนาคาร แต่บล็อกเชนจะเป็นตัวกลางเองแบบกระจายศูนย์ (Decentralization) ไม่มีตัวกลาง พึ่งพาระบบ Peer-to-Peer (P2P) ภายในเครือข่ายและส่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมและบล็อกใหม่ทุกครั้ง โดยไม่มีความผิดพลาดของบุคคล เพราะเทคโนโลยีไม่ใช่ตัวคน เพราะฉะนั้นการทำสัญญาที่เข้าไปในบล็อกเชนแล้วการแก้ไขแทบจะเป็นไปไม่ได้ แล้วมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร


ข้อดีของบล็อกเชน (Blockchain)

มีความปลอดภัยสูง

เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นที่ยอมรับว่าปลอดภัยสูง เนื่องจากการเก็บข้อมูลในแต่ละบล็อกต้องอาศัยบล็อกที่เชื่อมโยงกันกว่าหลายร้อยหรือหลายพัน จนอาจจะถึงหมื่นละแสนบล็อก อธิบายง่าย ๆ คือเครื่องคอมพิวเตอร์แสนเครื่องเก็บข้อมูลชิ้นเดียวกัน และทุกเครื่องมีการรีเช็คข้อมูลต่อ ๆ กันตลอดเวลา การแก้ไขต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือบล็อกทั้งหมดแก้ไขพร้อมกันทีเดียว ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก จึงทำให้การเก็บข้อมูลต่าง ๆ แม้กระทั่งเรื่องการเงินมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง

มีความแม่นยำ ปราศจากตัวกลางที่เป็นมนุษย์ และกระจายศูนย์ (Decentralized)

สิ่งสำคัญของบล็อกเชนคือการที่ใช้ระบบในการรีเช็คกันเอง ซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดของมนุษย์ที่จะมีความผิดพลาดได้ไม่มากก็น้อย และทำให้ฝ่ายปลายทางสามารถตรวจสอบฝ่ายต้นทางได้อย่างง่ายได้ผ่านบล็อกเชนที่จะมีการบันทึกข้อมูลไว้ตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ข้อมูลทุกส่วนสามารถตรวจสอบได้

ความสะดวกรวดเร็ว

ปัจจุบันการส่งข้อมูลข้ามโลกแม้จะง่ายและรวดเร็ว แต่หากต้องการส่งข้อมูลที่เป็นทางการก็ยังจะต้องใช้การส่งข้อมูลกระดาษอยู่ ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายวันถึงหลายเดือนในการส่งข้อมูลข้ามประเทศ แต่เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมากอาจไม่กี่นาทีหรือบางทีบล็อกเชนอาจไม่ถึงนาที

ลดความเหลื่อมล้ำ

เทคโนโลยีบล็อกเชน สามารถลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลได้ เพราะหากมีการเข้าถึงข้อมูล เช่น เกษตรกรสามารถเอาข้อมูลของพืชที่ผลิตจากสถานที่ต้นทางเป็นข้อมูลที่อยู่ในบล็อคเชน บล็อกเชนก็บันทึกข้อมูลเข้ามา เพราะฉะนั้นทุกคนบนโลก หรือทุกประเทศก็จะมีข้อมูลทั้งการผลิตการเงินทุกอย่างอยู่บนบล็อกเชน การเข้าถึงแหล่งการเงินก็อาจจะง่ายขึ้น สถาบันการเงินก็จะอาศัยข้อมูลตรงนี้ในการอนุมัติเงินกู้ได้โดยไม่ต้องใช้หลักฐานกระดาษ เพราะทุกอย่างอยู่บนบล็อกเชนหมดแล้ว เช่นเดียวกับเวชระเบียนขอบคนไข้ที่หากใช้เทคโนโลยีนี้ข้อมูลทุกอย่างของคนไข้ วิธีการรักษา อาการต่าง ๆ จะเป็นข้อมูลอยู่บนบล็อกเชนให้แพทย์สามารถเรียกดูได้ทุกที่ทั่วโลก


ข้อจำกัดและข้อเสียของบล็อกเชน (Blockchain)

ต้นทุนสูง

ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนต้องอาศัยทั้งพื้นที่และพลังงานอย่างสูงมากในการเก็บข้อมูล รวมทั้งต้องเปิดตลอดเวลา และที่สำคัญไม่ควรนำเอาบล็อกแต่ละบล็อก หรือคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมมาอยู่ที่เดียวกัน เพราะเสี่ยงกับการโจมตีได้ จึงทำให้ต้องอาศัยทั้งสถานที่ คนดูแล และพลังงานในการเก็บข้อมูลบล็อกเชนทั้งหมด

มีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตี

บล็อกเชนมีช่องโหว่ หากมีการเข้าไปแทรกแซงบล็อกจำนวน 51% ของทั้งระบบพร้อมกัน อาจจะทำให้มีการแก้ไขหรือแทรกแซงข้อมูลได้ บล็อกเชนที่มีจำนวนบล็อกน้อยจึงมีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีได้ แต่ก็เป็นไปได้ยากหากมีจำนวนบล็อกจำนวนมากเช่นจำนวนหมื่นบล็อกจะต้องใช้จำนวนกว่า 5,100 บล็อกกดแก้ไขข้อมูลพร้อมกันภายในเสี้ยววินาทีถึงจะแก้ไขได้

ไม่มีการเชื่อมโยงกัน

แต่ละหน่วยงานพยายามจะสร้างบล็อกเชนของส่วนตัวขึ้นมาและพยายามให้หน่วยงานอื่น ๆ มาใช้ข้อมูลภายในร่วมกัน จึงทำให้บล็อกเชนขยายไปแบบกระจาย ดูได้จากเงินคริปโต (Cryptocurrency) ที่มีหลากหลายหน่วย หลากหลายยี่ห้อจำนวนมาก จนกลายเป็นกระดานปั่นราคากันมากกว่าการสร้างหน่วยการเงินใหม่ที่ปราศจากตัวกลาง

กิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

แม้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะมีความแม่นยำและปลอดภัย รวมทั้งมีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ความเป็นส่วนตัวตรงนี้กลายเป็นช่องให้เหล่าอาชญากรรมใช้ในการเก็บข้อมูลของตัวเอง รวมทั้งรับส่งข้อมูลผ่านการเงินในระบบบล็อกเชน เช่นเหล่าเงินคริปโต (Cryptocurrency) ที่อาชญากรสามารถปกปิดตัวตนได้ โดยใช้เหรียญเหล่านี้ในการซื้อขาย

เทคโนโลยีบล็อกเชนก็คือเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลผ่านการเข้ารหัสรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวกลางเป็นเซฟเวอร์ใหญ่ ๆที่เดียวแล้ว แต่เป็นการกระจายเก็บข้อมูลในที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้ยากแก้การโจมตีหรือแก้ไข และส่วนที่รัฐบาลน่าจะเอาเข้ามาใช้กับเงินดิจิตอลนี้ก็คือการเก็บข้อมูลเพื่อป้องกันการโกงในส่วนต่าง ๆ แต่จะออกมาในรูปแบบไหน คงจะมีความชัดเจนในอนาคต 

 

 

 

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)