X
เสียงสะท้อน ‘ผู้ดูแลคนสูงวัย’ อสม.เหนื่อยล้า- CG กำลังคนไม่พอ

เสียงสะท้อน ‘ผู้ดูแลคนสูงวัย’ อสม.เหนื่อยล้า- CG กำลังคนไม่พอ

1 ก.ย. 2568
120 views
ขนาดตัวอักษร

1 ก.ย.68 - “ธรรมศาสตร์” ผนึก “อบจ.ปทุมธานี” ฟังเสียงสะท้อนจาก อสม. – CG - รพ.สต. เพื่อยกระดับการดูแลผู้สูงอายุ พบปัญหาความเหนื่อยล้า-กำลังคนไม่พอ-กฎระเบียบแข็งตัว ประสานหากระบวนการเติมพลังคนทำงาน


มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (อบจ.ปทุมธานี) จัดเวทีเสวนา “เสริมพลังคนทำงาน แสวงหาความต้องการสร้างสุขภาวะคนสูงวัยปทุมธานี” ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ “TU Care & Ageing Society ธรรมศาสตร์เพื่อนร่วมทางสังคมสูงวัย” เพื่อรับฟังความต้องการและออกแบบการสนับสนุนการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าในการดูแลผู้สูงอายุ โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ให้การดูแล (Caregiver : CG) ผู้อำนวยการและบุคลากรจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ฯลฯ เข้าร่วมกว่า 100 ราย


​นางพูนทรัพย์ พุ่มแก้ว ประธาน อสม. อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ต.บึงยี่โถ จ.ปทุมธานี มีประชากรทั้งหมด 34,000 คน ในจำนวนนี้ประมาณร้อยละ 20 หรือ 6,400 คน เป็นประชากรสูงอายุ ขณะที่ในระดับอำเภอ มีผู้สูงอายุมากกว่า 27,000 คน โดย ปัญหาหลักที่พบคือการเจ็บป่วยเรื้อรังและภาวะจิตใจที่ถดถอย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวในสังคมเมือง หรือหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ อสม. เข้าถึงยากที่สุด


นางพูนทรัพย์ กล่าวต่อไปว่า การทำงานของ อสม. ในพื้นที่นั้นค่อนข้างหนัก ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 249 คน ซึ่งตามสัดส่วนที่ควรจะเป็นคือ อสม. 1 คน ต่อ 30 หลังคาเรือน แต่ใน ต.บึงยี่โถ สัดส่วนการดูแลอยู่ที่ 1 คน ต่อ 90 หลังคาเรือน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด และส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเหนื่อยล้ามาก

“บทบาทของ อสม. ต้องดูแลครบทุกมิติ ตั้งแต่การกินยา การดูแลตนเอง การออกกำลังกาย รวมถึงสุขภาพจิตใจ และยังต้องทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้สูงอายุกับระบบสาธารณสุข รพ.สต. และศูนย์การแพทย์ต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องเยี่ยมบ้านอย่างสม่ำเสมอเพื่อเก็บข้อมูลบันทึก วัดความดัน เจาะน้ำตาลที่ปลายนิ้ว และให้คำปรึกษา ซึ่งแม้ว่า อสม.บางคนจะได้รับค่าป่วยการ แต่สิ่งที่ช่วยให้ขับเคลื่อนการทำงานจริงๆ คือแรงใจ ที่ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยล้าและหมดพลังมาก”

​ในฐานะคนทำงานด่านหน้า สิ่งที่ต้องการการสนับสนุน มีตั้งแต่งบประมาณสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเยี่ยมผู้ป่วย เช่น นม ข้าวสาร ตลอดจนอุปกรณ์การแพทย์ที่มีคุณภาพ อาทิ เครื่องวัดความดัน เครื่องเจาะเลือดที่ปลายนิ้ว เครื่องชั่งน้ำหนัก และอุปกรณ์ระยะยาว เช่น ที่นอนลม เตียงนอน เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ อสม. ยังต้องการองค์ความรู้ที่เป็นมาตรฐาน โดยเฉพาะการอนุญาตให้เจาะเลือดที่ปลายนิ้วพร้อมใบรับรองที่ถูกต้อง และการพัฒนาศักยภาพในการดูแลสุขภาพจิตใจทั้งของผู้สูงอายุและครอบครัวของอาสาสมัครสาธารณสุขด้วย


​นางสมคิด ปานบุญ ผู้อำนวยการ รพ.สต.บางขะแยง จ.ปทุมธานี กล่าวว่า รพ.สต. ถือเป็นด่านหน้าของระบบสุขภาพที่ต้องดูแลประชาชนในทุกมิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ งานหลักจึงไม่ใช่เพียงเรื่องการรักษา แต่รวมถึงการเป็นนักประสานงานต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเพื่อสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุที่เข้มแข็ง ปัจจุบัน ต.บางขะแยง มีประชากรสูงอายุร้อยละ 21.9 ซึ่งในพื้นที่มีการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมตั้งแต่ผู้สูงอายุติดสังคม มีการจัดกิจกรรมและชมรมผู้สูงอายุ ตลอดจนจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ไปให้บริการสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่ ถัดมาคือผู้สูงอายุติดบ้าน ก็มีการเยี่ยมบ้านเพื่อให้บริการสุขภาพ และผู้สูงอายุติดเตียงก็มี CG คอยให้การดูแลอย่างครอบคลุม


“ในอดีต ต.บางขะแยง ก็ยังมีอยู่ เช่น จำนวน CG ที่ยังต้องการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงแม้เทศบาลเคยประกาศรับสมัครนักบริบาล แต่ไม่มีผู้สนใจเพราะค่าตอบแทนต่ำและเวลาทำงานไม่เหมาะสม แต่โชคดีที่พื้นที่ได้รับงบประมาณจากโครงการนำร่องของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ทำให้เพิ่มจำนวน Care-giver ได้ถึง 50 คน จากเดิมเพียง 4 คน และมีการเสริมกำลังด้วยทีมจิตอาสาและบุคลากรสหวิชาชีพ นอกจากนี้ รพ.สต. บางขะแยง ยังประสบปัญหาด้านอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่ไม่เพียงพอ จึงอาศัยการบริจาคและการรวมพลังของวัด บ้าน โรงเรียน ชุมชนผ่านชมรมช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อให้สามารถดูแลได้ครอบคลุมมากขึ้น”

สำหรับสิ่งที่ต้องการสนับสนุนเพื่อให้การดูแลผู้สูงอายุดีขึ้น ส่วนตัวมองว่ากำลังคนด่านหน้า โดยเฉพาะ CG คือหัวใจสำคัญ ซึ่งปัจจุบัน CG และ อสม. ทำงานหนักและเหนื่อยล้ามาก จึงต้องการให้สถาบันการศึกษา หรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จัดกระบวนการเพื่อแสวงหา-สร้างคุณค่าในการทำงาน ตลอดจนปลุกไฟ-เยียวยาจิตใจคนทำงาน ให้มีแรงและมีความภาคภูมิใจในงานจิตอาสา เพราะพลังใจคือสิ่งที่ขับเคลื่อนการทำงานจริงในชุมชน แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่ไป คือการปรับแก้กฎระเบียบและการสนับสนุนงบประมาณ ซึ่งในเรื่องนี้คงต้องใช้เวลา


นายอัศวิน วงศ์นาค นายก อบต. คลองห้า จ.ปทุมธานี กล่าวว่า อบต.คลองห้า มีผู้สูงอายุราว 3,500 คน คิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร โดย อบต. ได้กำหนดแนวทางการดูแลผู้สูงอายุเป็น 3 กลุ่มหลักตามสภาพร่างกายและการดำเนินชีวิต เพื่อให้การช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมและตรงความต้องการ โดยกลุ่มแรกคือผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรงและมีลูกหลานดูแล อบต.จะส่งเสริมให้รวมกลุ่มเป็นชมรมผู้สูงอายุเพื่อสร้างพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งการออกกำลังกาย กิจกรรมทางวัฒนธรรม และการสืบสานประเพณีท้องถิ่น เช่น การนุ่งซิ่นผ้าถุง

​กลุ่มที่สองเป็นผู้สูงอายุที่ยังต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ โดย อบต. ทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หางานใกล้บ้านได้ และยังคงมีรายได้เลี้ยงดูตนเอง ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเตียงหรือเจ็บป่วย ซึ่งมีประมาณ 150 คน อบต. จัดหาอาสาสมัครบริบาลลงพื้นที่ดูแลเรื่องอาหาร การออกกำลังกายเบื้องต้น และการกายภาพบำบัด รวมทั้งส่งเสริมให้ลูกหลานเข้ามาเรียนรู้การดูแลผู้สูงอายุ เพื่อนำความรู้ไปใช้ในครอบครัวและแบ่งปันสู่ชุมชน นอกจากนี้ยังมีการรวมตัวของ “ชมรมบัวบานรื่นรมย์” จำนวน 135 คน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยในพื้นที่

“พื้นที่รับผิดชอบ อบต.คลองห้า มีผู้ป่วยภาวะพึ่งพิง ผู้สูงอายุที่ติดบ้านติดเตียง และผู้ที่ต้องได้รับการดูแลระยะยาวจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อบต.คลองห้า จึงผลักดัน อสม. ในพื้นที่เข้ารับการอบรมด้านการบริบาลดูแลผู้ป่วย จากทีมสหวิชาชีพโรงพยาบาลคลองหลวง หลักสูตร 50 ชั่วโมง เพื่อทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครนักบริบาลท้องถิ่น หรือ CC โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2567 ปัจจุบันมีจำนวน 25 คน รองรับผู้ที่ต้องได้รับการดูแลจำนวน 90 คนอย่างเพียงพอ”

นายอัศวิน กล่าวอีกว่า มีข้อเสนอเรื่องกฎระเบียบเพื่อเอื้อให้ผู้สูงอายุสามารถรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้หากเข้าเกณฑ์ รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันเพื่อติดตามรายงานผลสุขภาพผู้สูงอายุ ซึ่งจะช่วยให้ รพ.สต. สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดภาระงานของอสม.ที่ต้องดูแลผู้ป่วยจำนวนมาก โดยให้ อสม.ดูแลเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถรายงานผลได้ด้วยตนเอง


ร้อยเอกนายแพทย์พงษ์ศักดิ์ เจริญงามเสมอ ที่ปรึกษาพิเศษนายก อบจ.ปทุมธานี ดูแลงานด้านสาธารณสุข จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังติดอยู่ในกรอบความคิดแบบเดิมที่มุ่งเน้นการหาเงินมาจัดสวัสดิการและจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ แต่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ต้องการอยู่ในศูนย์หรือให้ใครมาดูแลแทนลูกหลาน สิ่งสำคัญคือการติดอาวุธให้ผู้สูงอายุและครอบครัวด้วยองค์ความรู้ในการดูแลที่บ้านพร้อมกับสร้างความมั่นคงด้านรายได้

​ทั้งนี้ อบจ.ปทุมธานี มีบทบาทในการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับผู้สูงอายุ เช่น การซ่อมเตียงและส่งมอบให้ชุมชนโดยร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี นอกจากนี้ยังมีแนวคิดในการสร้างอาชีพให้ลูกหลานที่ดูแลผู้สูงอายุที่ติดเตียง และจัดกิจกรรมหรือโครงการให้ผู้สูงอายุที่แข็งแรงสามารถมีงานทำหรือมีกิจกรรมทางสังคม เพื่อให้ร่างกายและจิตใจไม่ทรุดโทรม ​“ต้องการให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทางในการสร้างองค์ความรู้และวิจัยเชิงปฏิบัติ (research to reality) เพื่อหาข้อสรุปการทำงานร่วมกันระหว่าง อสม. ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ รพ.สต. ว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ก็จะช่วยผลักดันให้เกิดการทำงานเป็นเนื้อเดียวกันมากยิ่งขึ้น”


ด้าน รศ. ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การดูแลผู้สูงอายุในชุมชนจะมีประสิทธิภาพหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าเป็นสำคัญ ทั้ง อสม. และ caregiver คือหัวใจของการทำงาน ดังนั้น มธ. และ อบจ.ปทุมธานี จะร่วมกันกำหนดนโยบายมุ่งเป้า เพื่อลดอุปสรรคและสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานให้ทำงานได้อย่างคล่องตัวและมีความสุขมากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสุขภาวะดีให้กับผู้สูงอายุในจังหวัดปทุมธานีต่อไป อย่างไรก็ตามจากการรับฟังเสียงสะท้อนพบว่า มีผู้ปฏิบัติงานบางส่วนรู้สึกเหนื่อยล้าและอยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงาน ซึ่งธรรมศาสตร์จะกลับไปออกแบบกระบวนการทำงานเพื่อให้เกิดการสร้างขวัญกำลังใจและปลุกไฟคนทำงานให้มีพลังในการดูแลผู้สูงอายุต่อไป



อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)