1 ก.ย.68 - ภาษีสุขภาพโลก แคมเปญใหญ่ องค์การอนามัยโลก กระตุ้นทั่วโลกเก็บภาษีสุขภาพ ขึ้นราคาเหล้า-บุหรี่ 50% มองจะเป็นไปได้แค่ไหนกับอำนาจอธิปไตยในการกำหนดนโยบายสุขภาพของไทย
องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดตัวแคมเปญครั้งใหญ่ เรียกร้องให้ประเทศทั่วโลกเร่งเก็บ “ภาษีสุขภาพ” กับผลิตภัณฑ์อย่างบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล โดยมีเป้าหมายให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% ภายในปี 2035 โครงการนี้ในชื่อ “3 by 35” ตั้งเป้าหมายหลักสามข้อ ได้แก่ ลดการบริโภคยาสูบ ลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดการบริโภคน้ำตาล เพื่อยกระดับสุขภาพประชาชนและเพิ่มรายได้ของรัฐไปพร้อมกัน
•
แผนการนี้ ไม่ได้เน้นแค่เรื่องสาธารณสุข แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยลดต้นทุนภาระค่ารักษาพยาบาลในระยะยาว โดย WHO เน้นว่า หากมีการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพียงครั้งเดียวถึง 50% จะสามารถป้องกันการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึง 50 ล้านคนในอีก 50 ปีข้างหน้า และสร้างรายได้ให้รัฐบาลมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในทศวรรษหน้า รวมทั้งเงินส่วนหนึ่งอาจจะถูกนำกลับไปสนับสนุนปัญหาวิกฤตทางการเงินของ WHO หลังจากสหรัฐอเมริกาและบางประเทศประกาศถอนตัวและลดเงินสนับสนุน
•
แนวคิดนี้ถูกทำให้เป็นจริงแล้วกับสินค้ายาสูบ โดยระหว่างปี 2012–2022 มีเกือบ 140 ประเทศที่ปรับเพิ่มภาษียาสูบอย่างมีนัยสำคัญ และ WHO ยังแนะให้ประเทศต่าง ๆ นำรายได้ภาษีใหม่ไปสนับสนุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า การศึกษา และระบบสวัสดิการสังคม ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ให้ประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เมื่อภาษีสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ภาคธุรกิจทั่วโลกต้องรับมือกับแรงกดดันมากขึ้นและเร่งปรับตัว ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ หรือปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง แต่ยังคงต้องการบริโภคสินค้าดังกล่าวต่อไป เช่น การออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อย หรือใช้สารให้ความหวานอื่น ๆ แทนน้ำตาล
สำหรับอุตสาหกรรมอื่น เช่น ยาสูบ ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่มีอัตรายน้อยกว่าและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันอย่างบุหรี่ไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดเช่นกัน โดยในเชิงนโยบาย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมและถูกต้องตามกฎหมายแล้วใน 91 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ 40 กว่าประเทศยังมีมาตรการห้ามใช้ห้ามนำเข้าอยู่ ซึ่งการห้ามมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดก็จะสามารถปกป้องกลุ่มเปราะบางจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ แต่ในอีกทางหนึ่ง หากไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเต็มที่ก็จะทำให้ตลาดมืดเติบโต เป็นช่องโหว่ในการปกป้องเด็กและเยาวชน การควบคุมมาตรฐานสินค้า รวมถึงปิดกั้นผู้บริโภคในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงน้อยกว่า และปิดโอกาสในการสร้างรายได้ของรัฐ ในประเทศไทยแม้จะมีการห้ามบุหรี่ไฟฟ้ามานานนับสิบปี ก็ยังไม่สามารถควบคุมการใช้ได้ ยอดผู้ใช้เพิ่มจาก 78,752 คนในปี 2021 เป็นมากกว่า 900,000 คนในปี 2024 โดยส่วนใหญ่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์หรือใต้ดิน หลบเลี่ยงการควบคุมของภาครัฐ
•
การห้ามของไทย มีที่มาจากเจตนารมณ์ดี เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนจากอันตรายของยาสูบ ตามแนวทางของ WHO และกรอบอนุสัญญา WHO FCTC แต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค ชาวไร่ยาสูบ ที่จะขาดโอกาสทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ และรัฐบาลที่ต้องระดมสรรพกำลังในการปราบปรามท่ามกลางความเร่งด่วนในการบริหารประเทศเรื่องอื่น จุดสนใจขณะนี้จึงอยู่ที่การประชุมใหญ่ WHO FCTC Conference of Parties (COP11) ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาไทยเคยส่งตัวแทนจากฝ่ายสาธารณสุขเพียงฝ่ายเดียว และถูกวิจารณ์ว่าไม่มีความสมดุล ขณะที่ประเทศอื่นในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ รวมถึงฝั่งยุโรปเช่น จอร์เจีย และโปแลนด์ ต่างส่งตัวแทนจากกระทรวงการคลังเข้าร่วมด้วย เพื่อให้ได้ข้อเสนอเชิงนโยบายที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น
•
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ยืนยันว่ากระทรวงการคลังจะส่งตัวแทนเข้าร่วม COP11 ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดจุดยืนของชาติที่รอบด้านขึ้น เป็นการยอมรับถึงผลกระทบสำคัญต่อรัฐวิสาหกิจยาสูบและชาวไร่ ตลอดจนส่งสัญญาณถึงความเปลี่ยนแปลงสู่การกำหนดนโยบายที่มีส่วนร่วมและโปร่งใสมากขึ้น ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการประชุมใหญ่ สังคมไทยควรติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะหากตัวแทนจากกระทรวงการคลังได้เข้ามามีส่วนร่วม ไทยอาจมีโอกาสสร้างนโยบายควบคุมยาสูบที่สมดุล โปร่งใส และรอบด้าน หลีกเลี่ยงมาตรการสุดโต่งและคำนึงถึงความต้องการของทุกฝ่าย
•
ท้ายที่สุดแล้ว นโยบายระดับโลกต้องเคารพอธิปไตยของไทย การเปิดให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเข้ามามีส่วนร่วมของกระทรวงการคลังและชาวไร่ยาสูบคือกุญแจสำคัญสู่การกำหนดนโยบายที่แก้ปัญหาโดยไม่ซ้ำเติมปัญหาเดิม อนาคตของภาษีสุขภาพและนโยบายยาสูบในไทยจะถูกกำหนดไม่ใช่แค่ด้วยเทรนด์โลก แต่ด้วยความสามารถของชาติในการชั่งน้ำหนักระหว่างสุขภาพ เศรษฐกิจ และความเป็นจริงทางสังคมร่วมกัน
•
ที่มา: https://www.who.int/thailand/th/news/detail/10-07-2568-who-launches-bold-push-to-raise-health-taxes-and-save-millions-of-lives