X
“4 ให้ 1 ปฏิรูป” ใช้นวัตกรรมพลิกโฉมธุรกิจ

“4 ให้ 1 ปฏิรูป” ใช้นวัตกรรมพลิกโฉมธุรกิจ

1 ก.ย. 2568
140 views
ขนาดตัวอักษร

1 ก.ย.68 - ดีพร้อม(DIPROM) ยกระดับวงการเกษตรไทยด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างอนาคตที่ยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ “4 ให้ 1 ปฏิรูป” ใช้นวัตกรรมพลิกโฉมธุรกิจ 40 กิจการเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ


นายบูรณะศักดิ์ มาดหมาย ผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายและแผนเกษตรอุตสาหกรรม กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือดีพร้อม(DIPROM) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือดีพร้อม ได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายในปีงบประมาณ 2568 ตามแนวทาง “ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ภายใต้กลยุทธ์ “4 ให้ และ 1 ปฏิรูป” โดย 4 ให้ ได้แก่ 1.ให้ทักษะใหม่ ผ่าน Upskill, Reskill และ New Skill 2.ให้เครื่องมือที่ทันสมัย ครอบคลุมมาตรฐาน ผลิตภาพ วิจัย นวัตกรรม และเครือข่าย 3.ให้โอกาสในการเติบโต เข้าถึงแหล่งทุน การเชื่อมโยงซัพพลายเชน และตลาดทั้งใน-ต่างประเทศและ 4.ให้ความยั่งยืน ผลักดันแนวคิด BCG และอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ เพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ขณะเดียวกัน ดีพร้อมยังเร่งปฏิรูปองค์กรและบุคลากร โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับการบริการ พัฒนาองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญบุคลากร รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่


นายบูรณะศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2568 นี้ กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ใช้นวัตกรรมพลิกโฉมวงการเกษตรไทยโดยดำเนินกิจกรรมพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ Smart farm ภายใต้โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม โดยมีการนำเทคโนโลยีระดับโลกมาใช้เพื่อยกระดับธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมของไทยสู่การเป็นผู้นำในตลาดโลก กิจกรรมนี้ได้มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น IoT, AI, Automation Systems, และ Big Data Analytics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจเกษตร  โดยกิจกรรมนี้ไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงการเกษตรแบบเดิมๆ แต่เป็นการยกระดับเกษตรไทยสู่การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยให้ธุรกิจเกษตรทั้งขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และวิสาหกิจชุมชน/OTOP สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในทุกมิติ


“การดำเนินการของกองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม มีสถานประกอบการ กว่า 40 กิจการในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และสมุทรปราการ ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการผลิตและบริหารจัดการ ตั้งแต่การวินิจฉัยศักยภาพธุรกิจจนถึงการให้คำปรึกษาเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ โดยผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแค่ลดต้นทุนหรือเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่ยังสร้างมูลค่าใหม่ในธุรกิจเกษตรไทยอย่าง ยั่งยืนและแข่งขันได้ในตลาดโลก โดย 4 กิจการเด่นที่สร้างแรงบันดาลใจและสร้าง Success Cases ที่ได้รับการยกย่องเป็นต้นแบบของความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ ได้แก่ ไร่ภูนวพันธุ์ วิสาหกิจชุมชนบ้านซับมะกรูด วิสาหกิจชุมชนเหรียญเจริญสวนสมุนไพรเกษตรธรรมชาติ วิสาหกิจชุมชนภูริธาราพรรณ กิจการเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยี สามารถนำไปสู่ ความสำเร็จ ในการพัฒนาธุรกิจเกษตรและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรไทยได้อย่างชัดเจน”


จากการดำเนินกิจกรรมพบว่า 40 กิจการที่เข้าร่วม ผลลัพธ์ที่เห็นชัดคือเกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้อย่างมหาศาล โดยกิจกรรมนี้สามารถ ลดต้นทุน ได้ถึง 528,900 บาทต่อปี และเพิ่มรายได้ รวมทั้งสิ้น 25,978,520 บาทต่อปี ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ถึงความสำเร็จของกิจกรรมในการส่งเสริมการเกษตรอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน


นายบูรณะศักดิ์ กล่าวด้วยว่า กิจกรรมพัฒนาเกษตรอัจฉริยะ 2568 ไม่เพียงแต่พลิกโฉมธุรกิจเกษตรไทยให้สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล แต่ยังยกระดับการผลิตไทยให้พร้อมสู่การแข่งขันในระดับสากลอย่างเต็มตัว ด้วยการเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจเกษตรสามารถรับมือกับความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและสร้างอนาคตที่ยั่งยืนในภาคเกษตรอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง กิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่การส่งเสริมเทคโนโลยีในเกษตรไทย แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ในการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจและเป็นโมเดลที่โลกทั้งใบต้องจับตามอง



อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)